อัปเดต 'แอม ไซยาไนด์' ศุกร์นี้คดี 100% ฆาตกรต่อเนื่อง โดนแน่โอนให้ใคร 78 ล้าน

อัปเดต 'แอม ไซยาไนด์' ศุกร์นี้คดี 100% ฆาตกรต่อเนื่อง โดนแน่โอนให้ใคร 78 ล้าน

ความคืบหน้าคดีดัง อัปเดตล่าสุด 'แอม ไซยาไนด์' คาดวันศุกร์นี้สรุปคดี 100% ชี้เป็นฆาตกรต่อเนื่อง โดนแน่โอนให้ใคร 78 ล้าน

เกาะติดความคืบหน้าคดีดัง แอม ไซยาไนด์ มีประเด็นอัปเดตล่าสุด คาดวันศุกร์นี้สรุปคดี 100% ชี้เป็นฆาตกรต่อเนื่อง ย้ำใครได้เงินโอนจาก 78 ล้านโดนแน่ ตำรวจสืบอยู่รู้หมดแล้ว

"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีของแอม สรารัตน์ ว่า ขณะนี้พยานหลักฐานในคดีนี้ ไม่มีอะไรน่ากังวลใจแล้ว เพราะทางตำรวจสามารถรวบรวมได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงรวบรวมเส้นทางการเงิน ข้อมูลรายละเอียดในบัญชีธนาคารต่างๆ และผลตรวจจากทางนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนจะเอาข้อมูลทั้งหมดมาผนวกในรายงาน เบื้องต้นคาดว่าในวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคมนี้ จะครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของการสืบสวน

ส่วนประเด็นจะมีการออกหมายจับใคร เพิ่มเติมหรือไม่ ในวันนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า หากพยานหลักฐานไปถึงใคร ก็จะดำเนินคดีแน่นอน แต่จะเป็นคนใกล้ชิดแอมหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานอยู่ แต่เบื้องต้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเงินในบัญชีของแอมที่พบว่า มีเงินสูงถึง 78 ล้านบาทนั้น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ตอนนี้ทราบข้อมูลรายละเอียดของเงินเข้าแล้ว ในช่วงปี 2563-2565 แต่ในส่วนของเงินออกไปอยู่ที่ไหน หรือใคร อยู่ระหว่างตรวจสอบ ซึ่งขอเวลา 2 วัน ถึงจะได้ข้อมูลครบในทุกประเด็น 

ทั้งเส้นทางการเงิน และข้อมูลในบัญชี ส่วนในขณะนี้จากการตรวจสอบยอดเงินทั้งหมดพบว่า เงินออกจากบัญชีไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งเงินส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันออนไลน์หรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ

นอกจากนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า “รองอ๊อฟ” ยอมรับว่า รู้เรื่องเงินตั้งแต่แรก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเงินอะไร และรู้เรื่องเงินที่แอมเอามาใช้หนี้ให้ตัวเองจำนวน 4 ล้านบาทด้วย ส่วนจะมีความเชื่อมโยงว่า มีส่วนร่วมรู้เห็นการตายของใครหรือไม่ อยู่ระหว่างสืบสวน รวมถึงได้มีการซื้อประกันให้ รองอ๊อฟ ด้วยหรือไม่ ต้องตรวจสอบก่อน

ส่วนกรณีที่มีกระแสเรื่องใบมรณะบัตรไม่ได้ระบุว่า มีบุคคลใด ทำให้ตาย จะเป็นข้อต่อสู้ของผู้ต้องหาหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่า การออกใบมรณะบัตร เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ปกครองเป็นฝ่ายดำเนินการในแต่ศาลจะรับฟังในส่วนของแพทย์นิติเวชที่มีการชันสูตร เป็นหลัก 

ถึงแม้ว่าในบางศพ ไม่ได้มีการส่งศพตรวจที่นิติเวช แต่ทางตำรวจได้มีการสอบปากคำผู้เชี่ยวชาญไว้เทียบเคียง เพื่อเป็นหลักฐาน และการนำหลักฐานอื่นที่ปรากฎที่ศพ ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพื่อจะเชื่อมโยงไปถึงการฆาตกรรมหรือไม่ รวมไปถึงเทียบเคียงผลการวิจัยของสหรัฐอเมริกาด้วย

โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แอม เข้าข่ายฆาตกรต่อเนื่องหรือไม่ รอง ผบ.ตร. ระบุว่า แอม เข้าข่ายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง จากคำนิยามในงานวิจัยที่ว่า ฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นเพศหญิง มักจะฆ่าคนใกล้ชิด และสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งวิธีการฆ่าจะใช้การวางยา ซึ่งแอมถือว่า เข้าข่ายเป็นฆาตกรต่อเนื่องตามงานวิจัย

ส่วนการไล่ไทม์ไลน์การก่อคดี พบว่า ทราย หรือ นางสาวมณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ เป็นเคสแรกตั้งแต่ปี 2558 จากนั้นมาปี 2563 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1-2 ศพ ต่อมาปี 2564 ผู้เสียชีวิตทยอยเพิ่มมากขึ้นถึง 11 ศพ และในปี 2565-2566 มีผู้เสียชีวิตทยอยเพิ่มขึ้น แต่ก่อนถูกทางตำรวจจับได้ โดยช่วงเวลา 2564-2565 แอมน่าจะมีไซยาไนด์อยู่ในมือ ทำให้ปริมาณศพเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับช่วงที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนมาก

ขณะที่ประเด็น “สารต้านพิษ” ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ใครเป็นคนสั่งมา แต่จากร่องรอย และข้อมูลพอจะแกะรอยการสั่งซื้อได้บ้างแล้ว แต่อยู่ระหว่างว่าสั่งโดยใคร

ทั้งนี้่ในเวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ ทางตำรวจได้นัดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 1 คน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญ มาให้ข้อมูลรายละเอียดในสำนวน เพื่อให้แน่นหนาขึ้น โดยจะเป็นการดูภาพรวมของผู้เสียชีวิตทุกศพ โดยจะมีตำรวจกองบังคับการปราบปราม และที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามาประชุมด้วย