'กรมสุขภาพจิต' เตือนเสพข่าวความรุนแรงถี่อาจทำระแวงคนรอบตัว แนะต้องมีสติ

'กรมสุขภาพจิต' เตือนเสพข่าวความรุนแรงถี่อาจทำระแวงคนรอบตัว แนะต้องมีสติ

'อธิบดีกรมสุขภาพจิต' ห่วงประชาชนเสพข่าวความรุนแรงต่อเนื่องอาจทำหวาดระแวงคนรอบตัว แนะต้องมี 'สติ' เรียนรู้จากข่าวป้องกันความตระหนก-ลอกเลียนแบบ

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีข่าว 'แอม ไซยาไนด์' ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมหลายศพในเวลาไม่กี่ปี ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ต้องหาเป็นโรคทางจิตเวชหรือไม่ ทั้งนี้การวินิจฉัยทางการแพทย์ต้องผ่านกระบวนการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจสภาพจิต โดยจิตแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่สามารถอาศัยเพียงข้อมูลหรือพฤติกรรมที่ปรากฏในสื่อมาใช้ในการวินิจฉัย

 

 

อธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุต่อว่า นอกจากนี้ข้อเท็จจริงของอาการเจ็บป่วยก็เป็นความลับผู้ป่วยที่ไม่สามารถนำมาเผยแพร่สู่สาธารณะได้ อย่างไรก็ตามการเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลจิตเวชมิได้หมายถึงการมีโรคทางจิตเวชรุนแรงเท่านั้น เพราะประชาชนโดยทั่วไปก็สามารถมารับการรักษาได้ โดยมีทั้งปัญหาสุขภาพจิตเล็กน้อยบางประเภท ตั้งแต่อาการนอนไม่หลับ เครียด จนถึงปัญหาสุขภาพจิตรุนแรงก็ได้

 

'ฉะนั้นการที่บุคคลใดอ้างถึงประวัติการรักษาด้านจิตเวชเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมาย จึงต้องนำข้อมูลความเจ็บป่วยมาวิเคราะห์ประกอบอย่างระมัดระวัง'

 

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่เป็นห่วงในระยะนี้คือ เนื้อหาข่าวที่รุนแรงมักดึงดูดให้ประชาชนรับข่าวสารมากเกินไป การเสพข่าวที่ขาดวิจารณญาณและสติ จนเหมือนความรุนแรงโหดร้ายอยู่ใกล้ตัวมากๆ สามารถนำไปสู่ความหวาดระแวงคนใกล้ชิดและคนรอบข้าง กลัวเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับตนเอง กลายเป็นความตระหนกและส่งผลต่อสัมพันธภาพของบุคคล

 

 

สิ่งสำคัญที่ต้องระวังอีกเรื่องคือ การรับข้อมูลซ้ำๆ อาจจะทำให้เกิดการชาชินต่อสถานการณ์ เกิดจินตนาการพฤติกรรมความรุนแรง หรือเกิดการเลียนแบบได้ โดยเฉพาะเมื่อการนำเสนอข่าวที่มีการกล่าวถึงชื่อ ให้รายละเอียดวิธีการก่อเหตุอย่างมาก ใช้เวลาบรรยายนานและมีสีสันคล้ายละคร อาจทำให้กลุ่มบุคคลที่มีความอ่อนไหว เปราะบาง หรือผู้ที่กำลังประสบปัญหากดดันที่เก็บสะสมอารมณ์ด้านลบหรือมีพื้นฐานเกลียดชังสังคมอยู่ก่อน กลับมองเห็นการก่อเหตุเป็นต้นแบบผิดๆนี้เป็นทางเลือกแก้ปัญหาชีวิตของตน

 

ผลกระทบของการนำเสนอข่าวอีกข้อที่พึงระวังคือ การสัมภาษณ์ครอบครัวของผู้ก่อเหตุ เหยื่อ หรือการขุดคุ้ยปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร้ขอบเขต ยังสร้างรอยแผลทางใจต่อคนรอบตัวของผู้ก่อเหตุ บางข่าวมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลสู่สาธารณะ ทำให้สภาพความเป็นอยู่ส่วนตัวหรือความเกี่ยวข้องกับบุคคลอันเป็นที่รักอาจได้รับผลกระทบ และสร้างความเสียใจหรือปัญหาที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย

 

ดังนั้น 'กรมสุขภาพจิต' จึงมีการเฝ้าระวังดูแลบุคคลใกล้ชิดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ พร้อมแนะนำประชาชนในการรับข้อมูลสื่อสารที่ก้าวร้าวรุนแรงในระดับที่เหมาะสม ไม่ใช้เวลาอยู่หน้าจอทีวีหรือสื่อออนไลน์ อินเทอร์เน็ตนานๆหลายชั่วโมงติดต่อกันจนเกิดความรู้สึกหม่นหมอง พิจารณารับคำแนะนำปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตจากผู้ที่ตนเองไว้ใจ เชื่อถือได้ มีความตระหนักโดยไม่ตระหนก หากกังวลมากสามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 (ได้ตลอด 24 ชั่วโมง)