ด่วน! ศาลฎีกา สั่งประหารชีวิต ผอ.กอล์ฟ คดีฆ่า 3 ศพชิงทองในห้าง

ด่วน! ศาลฎีกา สั่งประหารชีวิต ผอ.กอล์ฟ คดีฆ่า 3 ศพชิงทองในห้าง

แจ้งข่าวด่วน! จบถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกา สั่งประหารชีวิต ผอ.กอล์ฟ คดีฆ่า 3 ศพชิงทองในห้าง นับเป็นคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

คำพิพากษา ศาลฎีกา ชี้ชะตาพิพากษายืน สั่งประหารชีวิต ผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน คดีกราดยิง 3 ศพ ชิงทองในห้างดัง กลางเมืองลพบุรี เมื่อปี 2563 หลังศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหารชีวิต

คดีของนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ กอล์ฟ ขณะอายุ 41 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี จำเลยในความผิด

  • ฐานฆ่าผู้อื่นฯ
  • พยายามฆ่าผู้อื่นฯ
  • ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ
  • ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน 

กรณีเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2563 จำเลย ผอ.กอล์ฟ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนฆ่าชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่าในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ⁣⁣

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2564 ว่า จำเลยมีความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (6) ประกอบมาตรา 60, 289 (6) ประกอบมาตรา 80, 289 (7), 339 วรรคสอง วรรคสี่ และวรรคท้ายประกอบมาตรา 340 ตรี, 371, 376, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ดังนี้

 

 

  • ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน
  • ฐานมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน
  • ฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 3 ปี
  • ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพิ่มความสะดวกในการจะกระทำผิดให้ประหารชีวิต
  • ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต
  • ฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีและใช้อาวุธปืนและโดยใช้ยานพาหนะ ให้ประหารชีวิต 

 

เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย สถานเดียว ปรับ 1,000 บาท ริบของกลาง อาวุธปืนและเครื่องกระสุน หมวกโม่งคลุมศีรษะสีดำ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า เสื้อยืด โทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ใช้กระทำผิด รวมทั้ง ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บรรดาโจทก์ร่วม ที่ 1 จำนวน 1.8 แสนบาท, ที่ 2 จำนวน 9.9 หมื่นบาท, ที่ 3 จำนวน 1.3 แสนบาท, ที่ 4 จำนวน 2.2 ล้านบาท, ที่ 5 จำนวน 7.5 แสนบาท ที่ 6, 7 และ 8 จำนวน  2.25 ล้านบาท, ที่ 9 และ 10 จำนวน 7.5 แสนบาท จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษ

ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วว่า มีเหตุสมควรลดโทษ ให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หรือไม่ เห็นว่าโจทก์และโจทก์ร่วม มีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานแวดล้อม กรณีมาสืบให้รับฟังได้อย่างมั่นคงว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามและผู้เสียหาย และชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำของโจทก์ร่วมแล้วหลบหนีไป โดยจำเลยมิได้ลุแก่โทษเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและสารภาพความผิด

แต่ได้ความว่า เจ้าพนักงานตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวง เพื่อขอออกหมายจับจำเลย ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมา ก็เพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้แล้ว ฉะนั้น การที่จำเลยรับสารภาพเป็นเพราะเกิดจากจำนนต่อหลักฐาน

การที่จำเลยชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และฆ่าผู้อื่น เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น

และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่น ที่ตนได้กระทำไว้ ลักษณะของการกระทำความผิดจึงเป็นไปโดยอุกอาจ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมทารุณ ไร้มนุษยธรรม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง       

ถึงแม้จำเลยชดใช้ความเสียหายเพื่อบรรเทาผลร้ายสำนึกผิด หรือมีคุณความดีดังที่อุทธรณ์ ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะสมควรใช้ดุลยพินิจลดโทษให้แก่จำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย โดยไม่ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น ย่อมเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยจำเลยยื่นฎีกา ขอให้ศาลลดโทษด้วย