ปมค่าไฟแพง 'ศรีสุวรรณ' จี้ กฟผ. เปิดสัญญาซื้อไฟฟ้า IPP - SPP จากเอกชนทั้ง 67 โรง

ปมค่าไฟแพง 'ศรีสุวรรณ' จี้ กฟผ. เปิดสัญญาซื้อไฟฟ้า IPP - SPP จากเอกชนทั้ง 67 โรง

'ศรีสุวรรณ จรรยา' ออกโรงจี้ กฟผ. เปิดเผยสัญญาซื้อไฟฟ้า IPP และ SPP จากเอกชนทั้ง 67 โรง เชื่อต้นเหตุทำ 'ค่าไฟแพง'

วันที่ 25 เมษายน 2566 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณี 'ค่าไฟแพง' ว่า วันนี้สมาคมฯได้ทำหนังสือส่งไปถึงผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายข้อมูลข่าวสารในการขอสำเนาเอกสารหนังสือสัญญาที่ กฟผ.ซื้อไฟฟ้าจาก 'โรงไฟฟ้า' ของเอกชน ซึ่งสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ ค่าเอฟที (FT) พุ่ง และทำให้ 'ค่าไฟฟ้า' โครตแพงนั้น ต้นเหตุมาจากการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนแพงเกินไปหรือไม่

 

 

ศรีสุวรรณ ระบุต่อว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ได้เปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนสามารถผลิตไฟฟ้าขายให้กับ กฟผ. ได้ จึงทำให้มีบริษัทเอกชนจำนวนมากประมูลขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ซึ่งมีสัญญาซื้อขายกันแล้ว 12 บริษัท รวม 17 โรงไฟฟ้า มีกำลังการผลิตตามสัญญารวม 17,023.50 เมกกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่มีสัญญาซื้อขายกันรวม 50 โรงไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ มีใช้ถ่านหินเพียง 4 โรงเท่านั้น มีกำลังการผลิตตามสัญญารวม 9,331.08 เมกกะวัตต์

 

ที่ผ่านมากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศมีมากกว่า 53,659 เมกกะวัตต์ ขณะที่ปริมาณการใช้สูงสุดเมื่อปี 2565 มีเพียง 33,177.3 เมกกะวัตต์เท่านั้น ทำให้มีปริมาณไฟฟ้าสำรองสูงมากกว่า 60% ทำให้มีเสียงครหาเกิดขึ้นอย่างมากว่า สัญญาที่ กฟผ.ไปทำไว้กับโรงไฟฟ้าเอกชนแต่ละรายนั้นมีเงื่อนไขที่เรียกว่า 'ค่าพร้อมจ่าย' อยู่ด้วย เพราะแม้จะหยุดเดินเครื่องไม่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้ กฟผ.ก็ต้องจ่ายเงินให้เอกชนตามสัญญาตลอดไปจนหมดอายุสัญญา และเมื่อหมดอายุสัญญาแล้วจะมีการผูกมัดให้ต้องรัฐซื้อต่อหรือไม่ด้วย

 

 

'ปัญหาที่ผ่านมา กฟผ.อ้างมาโดยตลอดว่ามีภาระหนี้กว่า 1 แสนล้านจากต้นทุนการผลิตที่ต้องซื้อก๊าซ LNG จากต่างประเทศมาผลิตไฟฟ้าในราคาสูง ซึ่งโรงไฟฟ้าของ กฟผ.ที่ต้องใช้ก๊าซมีถึง 11 โรง มีปริมาณการผลิตจำนวน 9,086 เมกกะวัตต์ ซึ่งเมื่อก๊าซมีราคาแพง ทำไม กฟผ.ยังต้องนำเข้าก๊าซจากต่างประเทศในราคาที่แพงมาผลิตอีก ทั้งๆที่มีโรงไฟฟ้าของเอกชนที่ทำสัญญาการผลิตป้อนให้ กฟผ.มีมากถึง 67 โรงอยู่แล้ว

 

ส่วนเอกชนจะไปซื้อหาก๊าซมาผลิตไฟฟ้าจากไหนก็เป็นเรื่องของเอกชนที่ต้องรับภาระเอง ไม่ใช่ กฟผ.ต้องไปแบกรับภาระเสียเอง อีกทั้งโรงไฟฟ้าของเอกชนมีปริมาณการผลิตมากกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซของ กฟผ.เสียอีก หรือว่าการซื้อขายก๊าซดังกล่าวมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ด้วย'

 

ทั้งนี้หาก กฟผ.เปิดเผยสัญญาทั้งหมดที่มีการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ก็เชื่อว่าจะพบข้อพิรุธมากมายที่จะได้นำมาเปิดเผยให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้รับทราบ และหาก กฟผ.ไม่ยอมเปิดเผยคงต้องสู้กันถึงศาลปกครองแน่นอน