รวบเจ้าของแฟรนไชส์ ‘ย่างให้’ หลอกเหยื่อลงทุน เสียหายกว่า 5.5 ล้าน

รวบเจ้าของแฟรนไชส์ ‘ย่างให้’ หลอกเหยื่อลงทุน เสียหายกว่า 5.5 ล้าน

รวบแล้ว เจ้าของแฟรนไชส์ปิ้งย่าง "ย่างให้" หลอกเหยื่อให้ร่วมลงทุน แล้วเชิดเงินปันผล-ผลกำไรตอบแทน เสียหายกว่า 5.5 ล้าน

จากกรณีที่ผู้เสียหาย กว่า 20 คน เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หลังร่วมลงทุนธุรกิจกับนายมณฑล เจ้าของเฟรนไชส์ อาหารปิ้งย่างชื่อ “ย่างให้” โดยหลอกลวงว่าหากร่วมลงทุนทำธุรกิจจะการันตีผลตอบแทน มีการใช้วิธีสร้างความน่าเชื่อถือ ออกรายการโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจประสบความสำเร็จ เปิดสาขากว่า 400 สาขา ทั่วประเทศ มีการนำภาพศิลปิน นักแสดงมาโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กสร้างความน่าเชื่อถือ จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อ และนำเงินมาร่วมลงทุนทำธุรกิจร่วมกับนายมณฑล แต่ภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับเงินปันผล และผลกำไรตอบแทนตามที่นายมณฑล กล่าวอ้าง ทำให้ได้รับความเสียหาย 5,530,000 บาท

ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงผลการจับกุมนายมณฑล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1122/2566 ลงวันที่ 10 เมษายน 2566 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน ,กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือน หรือปลอมไม่ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ถนนพิชัยณรงค์สงคราม ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวมาขอความช่วยเหลือที่สโมสรตำรวจก่อนหน้านี้  ได้สั่งการให้ บก.ปอศ.ดำเนินการรับเรื่องร้องทุกข์ และสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ในที่สุด เบื้องต้นนายมณฑลยังให้การภาคเสธ แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจในพยานหลักฐานคาดว่าสามารถดำเนินคดีได้ รวมถึงหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พร้อมดำเนินคดีในเรื่องการฟอกเงิน และ อายัดทรัพย์สิน เพื่อนำมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหายตามลำดับ ส่วนรายการโทรทัศน์ที่ผู้ต้องหาไปออกรายการนั้น คาดว่าจะเชิญมาให้ข้อมูล แต่เชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แต่อย่างใด เพราะทั้งรายการ หรือ บุคคลที่มีชื่อเสียงก็บริสุทธิ์ใจในการทำหน้าที่เท่านั้น

“คดีนี้ เป็นชักชวนหลอกให้เหยื่อร่วมลงทุนธุรกิจ โดยอ้างว่าจะได้ผลประโยชน์กลับมาในอัตราที่สูง รวมถึงมีการสร้างความน่าเชื่อถือโดยการออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ และใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงอยากฝากให้ประชาชนอย่างหลงเชื่อ หากมีผู้แอบอ้างให้ลงทุนทำธุรกิจที่มีผลประโยชน์ตอบแทนสูง หรือ ดีมากจนผิดสังเกต และหากมีผู้เสียหายในคดีนี้เพิ่มเติมก็ขอให้เข้าแจ้งความกับตำรวจได้ตลอดเวลา เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนผิดและเชื่อว่าคดีนี้ไม่ได้มีผู้ต้องหาเพียงคนเดียว เตรียมขยายผลต่อไป"

ทั้งนี้ผู้เสียหายได้มอบกระเช้าขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และทางตำรวจได้เน้นย้ำให้ผู้เสียหายมั่นใจว่าจะดำเนินคดีผู้ต้องหาพร้อมยึดทรัพย์นำเงินเฉลี่ยมาคืนให้อย่างแน่นอน