'จ่าสิบโท' แฮกเกอร์ 9near เปิดปากสารภาพ ขอโทษไม่ได้ตั้งใจแฮกข้อมูลคนไทย

'จ่าสิบโท' แฮกเกอร์ 9near เปิดปากสารภาพ ขอโทษไม่ได้ตั้งใจแฮกข้อมูลคนไทย

'จ่าสิบโท' แฮกเกอร์ 9near เปิดปากสารภาพ ขอโทษทำแตกตื่นยันไม่ได้ตั้งใจแฮกข้อมูลคนไทย อ้างซื้อข้อมูลคนไทยผ่านเว็บไซต์อีกทอดหนึ่ง

ความคืบหน้ากรณีนายทหารพระธรรมนูญ พา 'จ่าสิบโท' เขมรัตน์ แฮกเกอร์ 9near เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดยจ่าสิบโทได้กล่าวยกมือไหว้ขอโทษคนไทยทั้งประเทศ หลังจากที่ได้นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียจนทำให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ยืนยันว่าไม่ได้นำข้อมูลไปขายต่อ

 

'ผมขอโทษคนไทยทุกคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ตื่นตระหนกเกิดขึ้น ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ และยังไม่ได้นำข้อมูลไปเผยแพร่ที่ไหน ส่วนเหตุผลทั้งการซื้อข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งสำนวนและรายละเอียดต่างๆ ขอให้การกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น'

 

 

ทางด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการ สอท. เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ 'จ่าสิบโทเขมรัตน์' ได้ให้การรับสารภาพ รวมทั้งพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ได้มานั้นมีความสอดคล้องกับคำให้การ ด้วยมีความรู้ด้านไอทีเพราะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงไปพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองอยู่ในเว็บไซต์ Bleach Forums ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่แฮกเกอร์นิยมใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนข้อมูลผิดกฎหมาย จึงเข้าไปตรวจสอบและพบว่ามีข้อมูลของตนเองอยู่จริง

 

ต่อมาจ่าสิบโทเขมรัตน์จึงได้ติดต่อขอซื้อข้อมูลส่วนตัวคนไทยเพิ่ม จำนวน 8,000,000 เรคคอร์ด เป็นเงิน 8,000 บาท จากเว็บไซต์ดังกล่าว จากนั้นได้นำรายชื่อส่วนหนึ่งไปโพสต์บนโซเชียลมีเดีย แต่ยังไม่ได้รับความสนใจ จึงได้นำข้อมูลส่วนตัวของคนมีชื่อเสียงไปโพสต์ลงโซเชียลต่อ และส่งข้อความไปหาเจ้าของข้อมูลจนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา และจากนั้นก็หลบหนีไปยังสถานที่ต่างๆเพียงคนเดียว

 

 

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหายืนยันว่าเป็นการซื้อข้อมูลไม่ใช่การแฮกข้อมูล ซึ่งข้อมูลบางส่วนได้ถูกทำลายไปแล้ว และยังไม่ได้นำข้อมูลดังกล่าวไปจำหน่ายแต่อย่างใด รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยที่หลุดไป 55 ล้านรายชื่อนั้น ไม่เป็นความจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวนข้อมูลที่รั่วไหลที่แท้จริง ส่วนภรรยาของจ่าสิบโทเขมรัตน์เป็นพยาบาล มีหน้าที่ดูแลคนไข้บนวอร์ด ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลระบบไอทีหรือข้อมูลอื่นๆ

 

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DES กล่าวยืนยันว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐได้มีการสร้างระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่งประกาศใช้ในปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย แต่ยอมรับว่าการมีข้อมูลรั่วไหลจากหน่วยงานรัฐในอดีตนั้นตนไม่ทราบรายละเอียด

 

ทั้งนี้หลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวน และทหารพระธรรมนูญ จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลทหาร โดยท้ายคำร้องจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี โดยมีระยะเวลาฝากขังผัดแรก ตั้งแต่วันที่ 12 - 23 เมษายน 2566 รวมระยะเวลา 12 วัน