นักท่องเที่ยวจีนคัมแบ็ค แห่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปในเชียงใหม่

ร้านเช่าชุดเชียงใหม่สุดคึกคัก หลังชาวจีนแห่แต่งชุดไทยถ่ายอวดชาวโลก ยิ้มร่าไม่กลัวแดดเดินถ่ายรูปในวัด-สถานที่ท่องเที่ยว ด้านรองประธานสภาวัฒนธรรมเชียงใหม่ เผยส่งผลดีต่อเชียงใหม่ พร้อมชื่นชมที่ช่วยนำเสนอวัฒนธรรมไทย แต่ไม่ละเลยเฝ้าระวังความเหมาะสมอยู่ตลอด

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่สาธารณรัฐประชาชนจีนอนุญาตให้ประชาชนของตนเดินทางออกไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศได้ ทำให้ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและบริการของจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มฟื้นตัวและมีความหวังที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ต้องการจะเดินทางมาท่องเที่ยว และหนึ่งในธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่ในขณะนี้ คือ ธุรกิจเช่าชุดไทย ที่ให้นักท่องเที่ยวได้แต่งตัวแบบไทยโบราณพร้อมแต่งหน้า ทำผม ซึ่งนอกจากจะเป็นที่นิยมในหมู่ของนักท่องเที่ยวในขณะนี้แล้ว ยังเป็นตื่นตาตื่นใจของผู้ที่พบเห็นอีกด้วย

นักท่องเที่ยวจีนคัมแบ็ค แห่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปในเชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจ ร้านบ้านออเจ้า หนึ่งในร้านเช่าชุดไทยในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากของนักท่องเที่ยวชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อยู่ในขณะนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวจะใช้วิิธีจองผ่านทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งราคาจะอยู่ ที่คนละ 1,090 บาท แบบไม่ต้องเสียค่ามัดจำชุด แต่ผู้เช่าจะต้องนำชุดมาคืนหลังครบ 4 ชั่วโมง และในราคานี้นักท่องเที่ยวจะได้สวมชุดไทยพร้อมเครื่องประดับแบบไทยที่ได้สามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับบริการแต่งหน้า ทำผม หรือหากบริการเสริมอื่น ๆเช่น ช่างภาพ บริการรับส่ง ก็สามารถเพิ่มเงินเพื่อใช้บริการนั้น ๆ ได้

นักท่องเที่ยวจีนคัมแบ็ค แห่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปในเชียงใหม่
 

สำหรับกระแสที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแห่แต่งชุดไทยไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วจากกระแสของละครดังเรื่องหนึ่ง ซึ่งในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางร้านมีลูกค้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 70 คนต่อวัน แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 การท่องเที่ยวหยุดนิ่ง ทุกคนต้องกักตัว ทำให้ทางร้านได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับธุรกิจด้านการบริการส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมาแล้ว ทำให้ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ย 40-50 คนต่อวัน 

นักท่องเที่ยวจีนคัมแบ็ค แห่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปในเชียงใหม่

บรรยากาศภายในร้าน เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงบริเวณหน้าร้านจะเห็นได้ว่าภายในร้านมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาใช้บริการอยู่จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งจากเอเชีย ยุโรป เดินเข้าไปภายในร้านอยู่เรื่อย ๆ และเมื่อเข้าไปในร้านพบว่าภายในเป็นห้องปรับอากาศ มีชุดไทย เครื่องประดับ ทั้งชายและหญิงแขวนอยู่ ซึ่งเมื่อผู้ใช้บริการเลือกชุดที่ตนเองถูกใจได้แล้ว ทีมงานของทางร้านจะพาไปแต่งหน้า ทำผม โดยขณะที่ผู้ใช้บริการกำลังนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ หากมีโอกาสก็จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ด้วยท่าทางที่สนุกสนาน หลังจากที่แต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วผู้ใช้บริการจะเดินมาส่องกระจกด้วยความตื่นเต้น และไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ต่อมานักท่องเที่ยวก็จะเดินทางไปท่องเที่ยวและถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เช่น วัดต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ และข่วงประตูท่าแพ ทำให้ภาพที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสวมชุดไทยครบยศเดินไปมาในเมืองเชียงใหม่เป็นที่ฮือฮาของคนไทยเป็นอย่างมาก

นักท่องเที่ยวจีนคัมแบ็ค แห่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปในเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวจีนคัมแบ็ค แห่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปในเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวจีนคัมแบ็ค แห่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปในเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวจีนคัมแบ็ค แห่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปในเชียงใหม่

ด้านนายวัลลภ นามวงศ์พรหม รองประธานสภาวัฒนธรรมเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เช่าชุดไทย ไปถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ และได้โพสต์ลงโลกออนไลน์นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและส่งผลบวกต่อวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งยังช่วยนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดเชียงใหม่ให้ชาวโลกได้เห็นอีกด้วย ยิ่งช่วงนี้ใกล้จะถึงเทศกาลสงกรานต์ หรือ ปี้ใหม่เมือง ก็เป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับสภาวัฒนธรรมเชียงใหม่ ยินดีและชื่นชมที่นักท่องเที่ยวต่างชาติช่วยนำเสนอวัฒนธรรมไทยให้ชาวโลกได้เห็น และยังอาจจะช่วยให้คนไทยรู้สึกอยากจะใส่ชุดไทย หรืออนุรักษ์วัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ได้จับตามองอยู่ตลอด ว่าจะมีรายได้หรือกลุ่มใดที่อาจจะทำไม่เหมาะสม อาทิ ใส่ชุดไทยไปเที่ยวสถานบันเทิง ดื่มแอลกอฮอล์ หรือทำอะไรที่ไม่สมควร แต่จากการตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่พบว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น