อัปเดต จบ! กราดยิงสายไหม 'สารวัตรคลั่ง' ​​​​​​​ถูกบุกจับเที่ยงนี้-ส่งรพ.

อัปเดตล่าสุด กราดยิงสายไหม จบแล้ว บุกจับเที่ยงนี้-นำตัวส่ง รพ. เปิดไทม์ไลน์ 'สารวัตรคลั่ง' กว่า 24 ชั่วโมง ไม่ยอมให้จับ จนท.รุกหนัก ปีนบ้าน-ตะโกนให้วางอาวุธ ​​​​​​​เปิดประวัติ “สารวัตรกานต์” เก่งยิงปืน

กรณี กราดยิงสายไหม พื้นที่เขตสายไหม กทม. จากเหตุระทึกขวัญ สารวัตรคลั่ง ของนายตำรวจยศ พ.ต.ท. สังกัดสันติบาล จนถึงขณะนี้ยังไม่ยอมให้จับกุมตัวหรือมอบตัว เกินกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว กลายประเด็น ตำรวจคลั่ง ร้อนแรงในสังคมขณะนี้

ล่าสุด เวลา 12.25 น. วันที่ 15 มี.ค. 2566 หลังสิ้นเสียงปืนกว่า 30 นัด เจ้าหน้าที่บุกเข้าชาร์จตัว "สารวัตรกานต์" นำส่ง รพ.ภูมิพล เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ซึ่ง โดรนตำรวจ สามารถบันทึกภาพขณะตำรวจได้มีการยิงกระชับพื้นที่ กระสุนเจาะผนังชั้น 2 ของบริเวณด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นที่โล่งกว้าง

จากนั้น "สารวัตรกานต์" ได้ถือมีดพุ่งหลาวออกทางหน้าต่างบานเกร็ด ตกลงไปบริเวณสนามหญ้าหลังบ้าน ได้รับบาดเจ็บ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอรินทราช จะบุกเข้ามาควบคุมตัวไว้ได้ และทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้เข้ามารับตัวไปส่งโรงพยาบาล 

อัปเดต จบ! กราดยิงสายไหม \'สารวัตรคลั่ง\' ​​​​​​​ถูกบุกจับเที่ยงนี้-ส่งรพ.

เปิดประวัติ “สารวัตรกานต์” เก่งยิงปืน

พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ สารวัตรฝ่ายปกครอง ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ก่อเหตุคุ้มคลั่งยิงปืนหลายสิบนัดในบ้านพักย่านสายไหม ตั้งแต่เมื่อวาน (14 มี.ค.) ที่ผ่านมา

 


สารวัตรกานต์ เป็นคน อ.ป่าซาง จังหวัดลำพูน เมื่อปี 2541 เข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่ง ตำแหน่ง ผบ.หมู่ สังกัดฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำหน้าที่พลขับและขนส่ง

ระหว่างนั้นได้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ควบคู่ไประหว่างทำงาน กระทั่งจบการศึกษาได้สอบเป็นนายตำรวจระดับรองสารวัตร จนได้รับการบรรจุที่กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น

 

อัปเดต จบ! กราดยิงสายไหม \'สารวัตรคลั่ง\' ​​​​​​​ถูกบุกจับเที่ยงนี้-ส่งรพ.

เติบโตในหน้าที่การงานเรื่อยมาจนได้รับการแต่งตั้งเป็น พ.ต.ต. ระดับสารวัตร ในกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 จากนั้น เมื่อปี 2562 ถูกโยกย้ายไป กองบัญชาการศึกษา ในตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ กระทั่งสองปีต่อมาปี 2565 ถูกโยกย้ายจาก บช.ศ. ไปสังกัดสันติบาลจนถึงปัจจุปัน

ที่ผ่านมาถือว่า พ.ต.ท. รายนี้ เป็นนายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถและมีความมุมานะจากการเรียนกฎหมายทำให้มีความเจริญเติบโตในหน้าที่การงานจากตำแหน่งพลขับเป็นสารวัตร โดยใช้เวลาเพียง 20 ปี

เป็นตำรวจที่มีสมาธิสูง มีความสามารถด้านการยิงปืน ผ่านการทดสอบได้รับใบประกาศหลายหลักสูตร

ส่วนชีวิตส่วนตัว ได้มาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่เพียงลำพังขณะที่รับราชการ ส่วนการทำงานก็เป็นที่รักใคร่ของผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนฝูง แต่ระยะหลังมีรายงานว่าได้เข้ารับการรักษาตัวด้านจิตเวช ที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่

จำกัดพื้นที่ "สารวัตรกานต์" ไม่ให้ออกมาทำร้ายประชาชนได้แล้ว กราดยิง 50 นัด

ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรคงกำลังในดารรอเข้าควบคุมตัว พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ อย่างต่อเนื่อง

พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยความคืบหน้า ว่าจากสถานการณ์ตั้งแต่เมื่อวานและตลอดทั้งคืน จนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ได้ประเมินแล้วพบว่า ตัวผู้ก่อเหตุยังอยู่ในจุดที่มีความสุ่มเสี่ยงจะก่อให้เกิดอันตราย โดยยังมีอาวุธและเครื่องกระสุนอยู่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรอบ

การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จนถึงขณะนี้ มีความคืบหน้าที่ดีขึ้น คือสามารถกระชับพื้นที่เข้าไป และสามารถเห็นตัวของผู้ก่อเหตุว่าอยู่ในลักษณะใด โดยภาพจากโดรนที่บินตรวจการณ์เข้าไปด้านใน จะเห็นว่าผู้ก่อเหตุมีการใช้ผ้าต่างๆ มาอำพรางตัว ห่อหุ้มตัวเองไว้เพื่อปกป้องการจู่โจมของเจ้าหน้าที่

แต่อย่างไรก็ตาม ความเห็นของนักจิตวิทยาระบุชัดเจนว่ามีอาการป่วยทางจิต จึงยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายในการทำร้ายตนเอง จึงต้องใช้วิธีการที่เหมาะสม และขณะนี้ไม่สามารถสื่อสารกับตัวผู้ก่อเหตุด้วยวิธีการปกติได้

การเข้าปฏิบัติการจะช้าเร็วอยู่ที่ความเหมาะสม และจะต้องกระชับพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ให้อยู่ในพื้นที่จำกัด ซึ่งตอนนี้สามารถควบคุมพื้นที่ชั้นล่างได้ 100% แล้ว และสารวัตรกานต์อยู่ได้แค่ชั้นบน ไม่สามารถออกไปทำร้ายใครได้



จากการประเมินและใช้โดรนบินสำรวจ ทำให้ทราบว่า สารวัตรกานต์ มีอาวุธปืนลูกโม่ ถือในมือ สันนิษฐานจากลักษณะการยิง คาดว่ามีออโตเมติดด้วย แต่ยังมองไม่เห็น ส่วนมีกระสุนเท่าไรนั้นยังไม่ทราบ แต่ขณะนี้สารวัตรกานต์ใช้กระสุนไปแล้วมากกว่า 50 นัด และก็ยังมีการยิงโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่เมื่อช่วงเช้ามืด

ทั้งนี้ หากประเมินแล้วว่า ถ้าจำเป็นต้องเด็ดขาดก็ต้องทำ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม โดยจะใช้วิธีการขั้นเด็ดขาดก็ต่อเมื่อทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัยเกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังบอกด้วยว่า จะไม่กำหนดระยะเวลามนการเข้าปฏิบัติการ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะไม่อยากเอาชีวิตของคนคนหนึ่งไปผูกไว้กับเดดไลน์ จึงต้องใช้ระยะเวลา ตัดสินใจ และรอในช่วงเวลาที่เมหาะสม ทั้งนี้ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง แต่ตำรวจได้มีการเตรียมยุทโธปกรณ์ไว้พอสมควร และยังไม่จำเป็นต้องใช้กระสุนจริง แต่หากมีความจำเป็นก็ต้องใช้

และเมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางมาเพื่อร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง ซึ่งเมื่อประมาณ 10.00 น. ตำรวจเริ่มปรับแผนการดำเนินการอีกครั้ง โดยระหว่างการประชุม เกิดเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จากจุดที่สารวัตรกานต์อยู่ด้วย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เผยแพร่ภาพของสารวัตรกายต์ ได้ถ่ายได้จากโดรน ซึ่งทำให้เห็นว่า ภายในห้องจึดที่สารวัตรกานต์อยู่เป็นบริเวณชั้น2 ในพื้นที่แคบๆ มีลูกกรงเหล็กกั้นเป็นคอกและนอนอยู่ในมุมที่มรลักษณะอำพรรางตัวไว้พร้อมกับผ้าห่มไว้ใช้คลุมตัว รวมถึงยังพบว่า มีเศษของบุหรี่จำนวนมากกองอยู่ด้วย
 

ไทม์ไลน์ลำดับเหตุการณ์ล่าสุด

เวลา 09.01 น. จนท.ล้อมบ้านกดดันสารวัตรคลั่ง พร้อมร้องเพลงกล่อม ผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมมอบตัว

เวลา 07.20 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ซึ่งถือเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาที่ทางผู้ก่อเหตุให้ความเคารพนับถือ ได้เข้าเจรจาอีกรอบ ด้วยวิธีการถือโทรโข่งพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ โดยเนื้อหาเน้นพูดคุยเรื่องราวที่ผ่านมา ที่ในอดีตเคยทำงานร่วมกันมา พร้อมกับมีการระบุว่ายินดีที่จะให้การช่วยเหลือทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว 

เมื่อเวลา 07.30 น. “สารวัตร กล้า” ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ก่อเหตุ และเคยทำงานอยู่ ปส. ด้วยกัน ได้มีการใช้โทรโข่งเจรจากับผู้ก่อเหตุ พร้อมกับร้องเพลงกล่อม โดยเพลงที่ใช้กล่อม คือเพลง “จดหมายจากแนวหน้า” ของยอดรัก สลักใจ และต่อด้วยเพลง “วอนหลวงพ่อรวย

เวลา 07.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการใช้แก๊สน้ำตาอีกรอบ และเตรียมพร้อมที่จะพังกระจกหน้าต่างบ้านของผู้ก่อเหตุ ขณะเดียวกันได้มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ระหว่างนั้นตำรวจได้พยายามที่จะใช้เครื่องมือตัดเหล็กดัดที่หน้าต่างชั้นล่างของตัวบ้านผู้ก่อเหตุ

เมื่อเวลา 06.40 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ล้อมบ้านผู้ก่อเหตุ ได้เริ่มถอนกำลังออกจากพื้นที่เพื่อวางแผนกันใหม่ ขณะเดียวกันก็ยังมีการใช้โทรโข่งเจรจาอยู่เป็นระยะ
 

เริ่มรุกหนัก ปีนบ้าน-ตะโกนให้วางอาวุธ

เวลา 06.00 น. หลังจากเจรจากว่า 30 นาที ตำรวจได้ใช้ระเบิดเสียงปาใส่เข้าไปในบ้านจำนวนหลายลูก ก่อนจะมีการปีนขึ้นกันสาดชั้นสอง ไปบริเวณหน้าต่างบ้านของผู้ก่อเหตุ จากนั้นได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นอีกเป็นระยะ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนให้คนที่อยู่ภายในบ้านวางอาวุธ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีเสียงคล้ายเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 5-6 นัด แต่ยังไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด โดยตำรวจยังตรึงกำลังอย่างต่อเนื่อง

อัปเดต จบ! กราดยิงสายไหม \'สารวัตรคลั่ง\' ​​​​​​​ถูกบุกจับเที่ยงนี้-ส่งรพ.

 

อัปเดตต่อเนื่องดึกดื่น

เวลา 05.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ตำรวจอรินทราช 26 และ ตำรวจคอมมานโด ได้เตรียมกำลังเพื่อเข้าปิดล้อมบ้านพักของ พ.ต.ท. อีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันพื้นที่ให้สื่อมวลชนหลบออกจากแนวที่อาจเป็นวิถีกระสุน จากนั้นตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษได้นำบันไดมาตั้งไว้บนหลังรถกระบะ เพื่อเตรียมจะปีนระเบียงชั้นสองเข้าไปประชิดตัวบ้าน

จากนั้นเวลา 05.17 น. ตำรวจได้ใช้สตั้นบอมม์ ปาเข้าไปในบ้านจำนวน 1 ลูก ส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ จากนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษก็ได้ทำการปิดล้อมบริเวณโดยรอบ และมีการเจรจาให้ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ โดยพยามให้ผู้ก่อเหตุมอบตัวและลงมาจากชั้นสองของตัวบ้าน แต่ไม่มีการบุกเข้าไปจับกุมตัวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเจรจาอยู่นั้น ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากฝั่งผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด โดยเหตุการณ์นี้รวมระยะเวลากว่า 21 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้

อัปเดต จบ! กราดยิงสายไหม \'สารวัตรคลั่ง\' ​​​​​​​ถูกบุกจับเที่ยงนี้-ส่งรพ.
 

สารวัตรคลั่งยังไม่มอบตัว อรินทราช-คอมมานโด ระดมยิงแก๊สน้ำตา

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 15 มีนาคม เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 และ ตำรวจคอมมานโดสนธิกำลังเข้าปิดล้อมทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้านพักผู้ก่อเหตุ

กระทั่งเวลา 02.30 น. เจ้าหน้าที่เปิดฉากระดมยิงแก๊สน้ำตา กว่า 20 ลูก เป็นระยะๆ เข้าไปในบ้านพักของ พ.ต.ท. ทำให้เกิดเสียงกระจกแตก และกลุ่มควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ ต่างหลบหนี รวมถึงควันของแก๊สน้ำตายังส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว จนเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการบุกเข้าชาร์จตัวสารวัตรกานต์แต่อย่างใด ขณะนี้รวมเวลากว่า 19 ชั่วโมงแล้ว สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายซึ่งเป็นเพียงการดำเนินการตามยุทธวิธีเท่านั้น

ทั้งนี้ เวลา 20.35 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด ร่วม 10 นาย เดินทางมาพร้อมอุปกรณ์และอาวุธพิเศษ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยเจ้าหน้าที่แต่ละนายมีกล้องไนท์วิชั่นติดที่หมวก เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจในที่มืด

เวลา 21.42 น. เจ้าหน้าที่ได้ต่อสายให้มารดา สารวัตรกานต์ เข้ามาพูดคุยอีกครั้ง โดยบอกว่า ทุกคนเป็นห่วง เเละกำลังจะรีบเดินทางมาหา แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะคุยด้วย พร้อมตะโกนออกมาว่า "อยากตาย" ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานทีมจิตแพทย์เข้ามาช่วยพูดคุยเกลี้ยกล่อมอีกทางหนึ่ง

เวลา 22.00 น. บิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งอยู่ในพื้นที่  เน้นย้ำไม่ใช้ความรุนแรงในการควบคุม เพราะสารวัตรกานต์ ไม่เข้าข่ายเป็นภัยกับคนอื่น ยังให้ใช้การเจรจาเป็นหลัก โดยแพทย์จิตเวช ระบุว่า ผู้ป่วยจิตเวช จะไม่รู้สึกอะไร แม้จะโดนแก๊น้ำตา