ออกไป! เรือขนปลาทูน่าผิดก.ม. 4 ,000 ตัน มูลค่า 250 ล้าน วัตถุดิบปลากระป๋อง

ออกไป! เรือขนปลาทูน่าผิดก.ม. 4 ,000 ตัน มูลค่า 250 ล้าน วัตถุดิบปลากระป๋อง

“บิ๊กโจ๊ก” เร่งผลักดันเรือประมงเกาหลี ขนปลาทูน่า กว่า 4 ,000 ตัน มูลค่า 250 ล้านบาท ขณะขึ้นฝั่งท่าเรือกรุงเทพ เตรียมส่งแปรรูปเป็นปลากระป๋อง ออกนอกราชอาณาจักร หลังพบทำประมงผิดกฎหมาย ในเขตน่านน้ำต่างประเทศ พร้อมกำชับตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ลักลอบขึ้นท่าเรืออื่นอีก

กรณี เรือประมงเกาหลี ขนปลาทูน่า กว่า 4 ,000 ตัน มูลค่า 250 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา มีเรือประมงชื่อ Sun Flower 7 สัญชาติเกาหลีใต้ เข้าเทียบท่าเรือกรุงเทพ ถนนราษฎร์บูรณะ เพื่อนำเข้าปลาทูน่าน้ำหนักกว่า 4,000 ตัน รวมมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท ที่ได้จากการทำประมงขึ้นที่ท่าดังกล่าว นำเข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูปปลากระป๋อง นั้น

“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ประธานคณะทำงานวิเคราะห์สถานการณ์การตรวจ ติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมง และแรงงานในภาคประมง จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบกลับไปยังต้นทาง ที่เรือประมงได้ไปทำการประมงมานั้น 

โดยตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทุกประเภท เส้นทางการเดินเรือ ตลอดจนร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจาก มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) องค์กรภาคประชาสังคมระดับนานาชาติ สืบสวนหาข้อมูลจากคนประจำเรือที่ท่าเทียบเรือ 

จึงได้ทราบว่า เรือประมงดังกล่าวได้ไปทำประมงในเขตพื้นที่น่านน้ำของคณะกรรมการการประมงแปซิฟิกตะวันตก และแปซิฟิกกลาง (WCPFC) และเขตน่านน้ำของสาธารณรัฐคิริบาส โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีพฤติการณ์ต้องสงสัยในการทำประมงผิดกฎหมายด้วยวิธีการเก็บทุ่นลอยน้ำที่ใช้สำหรับแพล่อสัตว์น้ำ

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ประสานให้กรมประมงออกหนังสือแจ้งไม่อนุญาตให้นำเข้าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งออกคำสั่งให้เรือประมง Sun Flower 7 เดินทางออกจากราชอาณาจักร 

 

ซึ่งเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.66) เวลาประมาณ 17.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับ ศรชล กรมเจ้าท่า และกรมประมง เข้าตรวจสอบเรือประมงดังกล่าว พร้อมทั้งเร่งดำเนินการทางเอกสาร เพื่อให้เรือดังกล่าว พร้อมเดินทางออกจากราชอาณาจักรโดยทันที รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเดินเรือจากระบบติดตาม AIS เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เรือประมงดังกล่าวจะเดินทางออกจากราชอาณาจักรจริง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ทราบข้อมูลจากการตรวจสอบการนำเข้าสัตว์น้ำของเรือประมงดังกล่าวจนทราบว่า มีการลักลอบทำประมงผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำต่างประเทศ ก่อนจะนำสัตว์น้ำมาขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย ดังนั้น เมื่อทราบดังกล่าวแล้ว ทางเราต้องรีบดำเนินการห้ามนำสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ เพื่อมิให้เป็นการสนับสนุนการกระทำผิด 

รวมทั้งจะต้องออกคำสั่งให้เรือดังกล่าว เดินทางออกจากราชอาณาจักรในทันที โดยได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้บูรณาการร่วมกันในการตรวจสอบเรือประมงดังกล่าว รวมทั้งดำเนินการให้แน่ใจว่า จะไม่มีการแอบลักลอบนำสัตว์น้ำดังกล่าว ขึ้นที่ท่าเรืออื่นใดในประเทศไทยได้อีก 

จึงขอเตือนไปยังภาคอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำต่างๆ ขอให้ตรวจสอบที่มาของสัตว์น้ำที่จะนำมาประกอบผลผลิตให้มั่นใจว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฎหมาย ถือเป็นความรับผิดชอบต่อประเทศ เนื่องจากอุตสาหกรรมนำเข้าสัตว์น้ำ ในต่างประเทศล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงเจตนาโดยชัดเจนว่า ประเทศไทยไม่สนับสนุนการทำประมงผิดกฎหมายอย่างสิ้นเชิง