คดีน้องต่อล่าสุด คำสารภาพ น.ส.นิ่ม เอาผิดได้มากน้อยแค่ไหน เปิดบทลงโทษ

คดีน้องต่อล่าสุด คำสารภาพ น.ส.นิ่ม เอาผิดได้มากน้อยแค่ไหน เปิดบทลงโทษ

เพจ ทนายคลายทุกข์ ของทนายเดชา วิเคราะห์ "คดีน้องต่อ" เผยจากคำสารภาพ น.ส.นิ่ม ล่าสุดสามารถเอาผิดได้มากน้อยแค่ไหน พร้อมเปิดบทลงโทษ ชี้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหนัก

เพจ ทนายคลายทุกข์ ของทนายเดชา วิเคราะห์ "คดีน้องต่อ" เด็กวัย 8 เดือนที่ล่าสุด น.ส.นิ่ม วัย 17 ปี แม่น้องต่อ ได้ยอมรับสารภาพต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ว่าเป็นคนนำร่างลูกชายมาทิ้งแม่น้ำท่าจีน โดยเธออ้างว่าขณะอุ้มลูกอาบน้ำ เกิดทำลูกตกพื้นและแรงกระแทกทำให้เด็กชัก และเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกจึงนำเอามาทิ้งไว้กอไผ่ริมแม่น้ำท่าจีนนั้น 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

เรื่องนี้ ทนายเดชา ได้มีการพูดถึง "คดีน้องต่อ" ที่สุดท้ายปรากฏว่าคนที่ทำความผิดกลับกลายเป็นคนใกล้ชิด เป็นบุพการีนั้น และตั้งประเด็นว่าคำรับสารภาพนั้นเพียงพอหรือไม่ ซึ่ง ทนายเดชา บอกว่า ในแง่ของหลักกฎหมาย คำรับสารภาพของผู้ต้องหาเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่เพียงพอที่จะรับฟังลงโทษในคดีที่มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต

สำหรับคดีฆ่าคนตายโดยเจตนามีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานหนักเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงว่า เกิดจากอะไร ต้องหาศพให้เจอและพิสูจน์สาเหตุการตาย พิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเด็กเป็นอะไรตายเกิดจากความประมาทหรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเกิดจากเจตนาทำร้ายหรือเกิดจากเจตนาฆ่าหรือสำคัญผิดคิดว่าเด็กตายเลยเอาไปโยนทิ้งกลัวความผิด

ซึ่งถ้าหากว่าหาศพไม่เจอ ก็ไม่สามารถแจ้งข้อหาเกี่ยวกับเรื่องประมาท หรือเจตนาฆ่าคงไม่ได้ ในชั้นนี้ก็ยังคงไม่สามารถแจ้งข้อหาอะไรได้ อาจจะมีความผิดแค่เคลื่อนย้ายศพเท่านั้นเอง เพราะพยานหลักฐานยังไม่แน่นหนาเพียงพอในการเอาผิด
 

อีกทั้ง เนื่องจากคำพูดของผู้ต้องหานั้นวกไปวนมา ยังเชื่อถือไม่ได้ ซึ่งต้องไปหาพยานหลักฐานเพิ่มเพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไป เช่น เครื่องจับเท็จ กล้องวงจรปิด นิติวิทยาศาสตร์ พยานแวดล้อม หรือ DNA ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนยังมีงานต้องทำอีกเยอะ