'ฟอร์ด' ยินดีซื้อรถคืน ปมรถป้ายแดงฉาว ลูกค้าไม่ยอมสู้ต่อ

บริษัทรถยี่ห้อดัง 'ฟอร์ด' ยินดีซื้อรถคืน ยันไม่ใช่รถมือสอง ปมรถป้ายแดงฉาว ด้านลูกค้าไม่ยอมสู้ต่อลั่นถูกกระทำ

กรณีรถป้ายแดงฉาว บริษัทรถยันเป็นรถใหม่ ไม่ใช่รถมือสอง หากลูกค้าไม่สบายใจ ยินดีซื้อรถคืนตามราคาที่เหมาะสม หรือเยียวยาหากต้องการใช้รถต่อ ส่วนเจ้าของรถยังเดินหน้าสู้ต่อ

จากกรณีร้องเรียนว่าซื้อรถกระบะสี่ประตู สีดำ ยี่ห้อ ฟอร์ด ford มาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยเงินสดจากศูนย์แห่งหนึ่งใน ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง หลังใช้มากว่า 2 ปี รถเกิดปัญหา จึงเข้าศูนย์เคลมประกันพบว่า รถคันนี้ถูกจดทะเบียนไปแล้ว เมื่อปี 2561 จึงไม่สามารถเคลมได้เพราะหมดประกัน แถมหมายเลขเครื่องยนต์ก็ไม่ตรงกันกับเล่มทะเบียน ศูนย์กลับบ่ายเบี่ยง แล้วเสนอให้ประกันเพิ่มอีก 2 ปี แลกกับการจบเรื่อง 

ล่าสุดทางศูนย์เรียกให้ น.ส.จินดารัตน์ เข้าเจรจาหาข้อยุติ พร้อมทั้งพาไปต่อทะเบียนรถยนต์ ทางบริษัทเปิดเผยว่า ก้อนหน้านี้ที่ต่อไม่ได้ สาเหตุอาจเกิดจากเอกสารไม่ตรงกัน ล่าสุดต่อทะเบียนได้แล้ว น.ส.จินดารัตน์ ยืนยันจะไม่ขอยอมรับข้อเสนอ จากศูนย์รถ เพราะยังไม่ได้ความเป็นธรรม จะขอต่อสู้ต่อไป ตามที่เสนอออกไป

เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ก.พ. นายสมศักดิ์ พะเนียงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ดเอกระยอง จำกัด ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง ได้กล่าวว่า เกี่ยวกับกรณีเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้น ทาง น.ส.จินดารัตน์ ชำเลืองฤทธิ์ อายุ 26 ปี ได้เข้ามาเจรจากับทางศูนย์แล้ว โดยทางศูนย์ได้ชี้แจง กับปัญหาที่เกิดขึ้นดังนี้

กรณีที่มีการร้องเรียนว่าเป็นรถยนต์เก่า ทางศูนย์ยืนยันว่า รถยนต์ที่ลูกค้าซื้อเป็นรถยนต์ใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่นำมาโชว์ ไม่เคยขายให้กับบุคคลอื่นมาก่อน และไม่มีการเปลี่ยนหรือสวมเครื่องยนต์ สามารถต่อทะเบียนได้ตามปกติ โดยทางศูนย์ได้ต่อทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจ.ระยอง ให้เรียบร้อยแล้ว

 

นอกจากนี้ทางบริษัท ฯ ได้ยื่นข้อเสนอรับดูแลลูกค้าทุกกรณี แต่ไม่เกินกว่ามูลค่าที่ลูกค้าซื้อรถยนต์ไปจากบริษัทฯ ซึ่งข้อเสนอของลูกค้าต้องการรถยนต์คันใหม่รุ่น 4 ประตู (Model ใหม่ Next Gen Ranger) ในราคาที่สูงกว่ารุ่นที่ลูกค้าซื้อ ทางบริษัทฯ จึงไม่สามารถให้ข้อเสนอตามที่ลูกค้าต้องการได้ และบริษัท ฯ ได้ขอเข้าพบสำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จังหวัดระยอง เพื่อนัดไกล่เกลี่ยพร้อมกับลูกค้าในการหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งเป็นการนัดเข้าพบเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับหนังสือแจ้งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้

ด้าน น.ส.จินดารัตน์ ผู้ร้องเรียน ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางบริษัท ยื่นข้อเสนอให้ ทางตนเองได้ปรึกษากับทางครอบครัวแล้ว จะไม่ข้อรับข้อเสนอของบริษัท จะขอต่อสู้จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ