แจ้ง "ปิดอ่าวไทย" 15 ก.พ. - 14 มิ.ย.66 กรมประมง เตือนฝ่าฝืนเจอปรับ 5,000 - 30 ล้าน

แจ้ง "ปิดอ่าวไทย" 15 ก.พ. - 14 มิ.ย.66 กรมประมง เตือนฝ่าฝืนเจอปรับ 5,000 - 30 ล้าน

"กรมประมง" ประกาศ "ปิดอ่าวไทย" 15 ก.พ. - 14 มิ.ย.66 ให้สัตว์ทะเลวางไข่ ฝ่าฝืนเจอปรับ 5,000 บาท - 30 ล้านบาท จริงหรือ? เช็กเลยที่นี่

กรณีที่มีข่าวในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับเรื่อง "กรมประมง" เตรียม ปิดอ่าวไทย 15 ก.พ. - 14 มิ.ย. 66 เพื่อให้สัตว์ทะเลวางไข่ ฝ่าฝืนปรับ 5,000 บาท - 30 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นข่าวจริง

 

 

โดย กรมประมง ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน บริเวณอ่าวไทยตอนกลาง (มาตรการปิดอ่าว) โดยครอบคลุมเขตพื้นที่บางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 2 ช่วง คือ "ช่วงแรก" ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. - 15 พ.ค. 2566 ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ 26,400 ตารางกิโลเมตร เพื่อคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์ปลาทูให้ได้วางไข่

 

และ "ช่วงที่สอง" อาณาเขตตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ 5,300 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. - 14 มิ.ย. 2566 เพื่อให้ลูกปลาทูได้มีโอกาสเจริญเติบโตเดินทางเข้าสู่พื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก เพื่อให้ปลาทูสาวได้เจริญเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไป โดยมีการควบคุมการทำประมงเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงและส่งผลกระทบต่อทรัพยากรสัตว์น้ำ

 

ซึ่งจากการศึกษาทางวิชาการพบมาตรการฯมีความสอดคล้องกับวงจรชีวิตปลาทู คือ เป็นช่วงที่ปลาทูมีความสมบูรณ์เพศสูงสุด สามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืน

 

 

นอกจากนี้การทำประมงนั้นให้ทำประมงเฉพาะเครื่องมือที่ประกาศให้ใช้ได้เท่านั้น เครื่องมืออื่นๆห้ามทำโดยเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนจะเป็นความผิดตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 30 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย

 

ทั้งนี้สามารถติดตามข่าวสารจาก กรมประมง เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www4.fisheries.go.th หรือโทร 02-562-0600-15