สั่งย้ายด่วน 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านตรวจปมดาราไต้หวัน

สั่งย้ายด่วน 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านตรวจปมดาราไต้หวัน

ผู้การนครบาล 1 สั่งย้ายด่วน 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ระดับ ร.ต.อ.-ด.ต.-ส.ต.อ. ตั้งด่านตรวจพบบุหรี่ไฟฟ้าแต่ไม่ยึด-จับกุม ปมดาราไต้หวัน

ความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง กรณีดาราไต้หวัน โพสต์ถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านรีดเงินจำนวน 27,000 บาทนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เซ็นคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ โดยระบุว่า 

ตามที่ได้ปรากฏการเผยแพร่ภาพวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์ กรณี นักท่องเที่ยวชาวไต้หวันได้ลง ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ได้นั่งรถยนต์โดยสารสาธารณะ (แท็กซี่) กับเพื่อน เพื่อเดินทางกลับโรงแรมที่พัก ระหว่างท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ของวันที่ 5 มกราคม 2566 ประมาณ  02.00 น. ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจหน้าสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานดร ได้เรียกตรวจคันและพบว่ามีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง แล้วเรียกรับเงินสด จำนวน 27,000 บาท  แล้วปล่อยตัวไป ไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย นั้น

กองบังคับการตำรวจนครบาล  ได้มีคำสั่งที่ 26/2566 ลงวันที่ 26 มกราคม 2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการตรวจสอบปรากฏว่า มีมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องมีการตรวจพบบุหรี่ไฟฟ้า แต่ไม่ดำเนินการตรวจยึดเพื่อตรวจสอบหรือจับกุม ซึ่งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

และต่อมา วันที่ 30 มกราคม 2566 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นคดีอาญาที่  84/2566 ของสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ฐานความผิด "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต" อันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกองบังคับการตำรวจ

นครบาล ได้มีคำสั่งที่  30/2566 ลงวันที่ 30 มกราคม 2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย เพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าว แล้วนั้น

 

ดังนั้น เพื่อมีให้กระทบต่อการดำเนินการสอบสวนทางวินัยและคดีอาญา รวมถึงมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 68,92 และ  105(4) แห่งพระราชบัญญัติ ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 จึงให้ข้าราชการตำรวจที่ มีรายชื่อดังต่อไปนี้ ปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ผู้บังคับการตำรวจนครบาล ได้ มอบหมาย

1. ร้อยตำรวจเอก ยอดฤทธิ์ ลางดุลเสน รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง

2. ร้อยตำรวจเอก ปฏิภาณ ศิริชัยวัฒนา รองสารวัตรอำนวยการ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง

3. ดาบตำรวจ อธิเวช จุลพันธ์ ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง

4. ดาบตำรวจ กฤษฎา คำมะนา ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง

5. สิบตำรวจเอก เฉลิมชัย ศิริวังโส ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง

6. สิบตำรวจเอก วัชรนนท์ ขาวยอง ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลหัวยขวาง

7. สิบตำรวจเอก นันทวัชร์ สุวรรณา ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง

ทั้งนี้ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

สั่งย้ายด่วน 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านตรวจปมดาราไต้หวัน สั่งย้ายด่วน 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านตรวจปมดาราไต้หวัน


7 ตำรวจ เข้าสู่กระบวนการสอบเค้นพิเศษ

ความคืบหน้าคดีดาราไต้หวันโพสต์ระบุถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง รีดไถเงิน ล่าสุดทางด้าน พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า  เมื่อคืนนี้ได้สอบปากคำตำรวจทั้ง 14 นาย ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งด่านในวันเกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 7 นาย ซึ่งกลุ่มแรกเป็นฝั่งกลุ่มริมถนนหน้าสถานทูตจีน จำนวน 7 นาย และอีกกลุ่มอยู่ฝั่งเกาะกลางถนน จำนวน 7 นาย

โดยกลุ่มที่เป็นประเด็นคือกลุ่มที่อยู่ด้านหน้าสถานทูตจีน เนื่องจากใกล้ชิดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวมากที่สุด เบื้องต้นจากการสอบปากคำตำรวจทั้งหมดยังให้การ “ปฏิเสธ” แต่ยอมรับว่าได้ถ่ายรูปบุหรี่ไฟฟ้าของนักท่องเที่ยวจริง และไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

เบื้องต้นได้พิจารณาให้ ตำรวจ 7 นาย ที่อยู่ริมถนนหน้าสถานทูตจีน เข้าไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม โดย 2 ใน 7 ถูกดำเนินคดี ม.157 และจะมีการนำเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนการสอบเค้นพิเศษ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกับผู้เสียหาย ส่วนอีก 7 นายที่อยู่บริเวณฝั่งเกาะกลางถนนนั้นสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่การตั้งด่านให้ไปทำงานทางด้านสายตรวจแทน 

อย่างไรก็ตามในวันนี้ได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่คนขับแกร๊บ  คนขับแท็กซี่ และพนักงานในผับ ซึ่งทุกคนต้องเข้ามาสอบปากคำให้การ เพื่อยืนยันคำให้การเดิมที่ให้ไว้กับพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ก่อนหน้านี้ด้วย

โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำคนขับแท็กซี่ชมพูคาดเขียว หรือ หนุ่ย อายุ 44 ปี อยู่ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากภาคประชาชน หากมีกล้องหน้ารถหรือภาพกล้องวงจรปิด หรือเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น รวมไปถึงกลุ่มเพื่อนผู้เสียหาย

" หากไม่สะดวก จะชี้ช่องให้ว่า หากเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ก็สามารถให้เพื่อนมาสอบปากคำ ในฐานะพยาน หรือสามารถติดต่อมาทางเฟซบุ๊กส่วนตัวได้เลย เพื่อวีดีโอคอลให้ข้อมูล เพราะจะเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ใช้ประกอบสำนวนแจ้งข้อหาในคดีอาญากับตำรวจทั้ง 7 นายได้ ทั้งนี้ได้เตรียมพนักงานสอบสวน ที่มีความสามารถด้านภาษาจีน และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นตำรวจหญิงไว้รอรับแล้ว"

พล.ต.ต.อัฏธพร ยังได้กล่าวยืนยันว่า ขอให้ภาคสังคมมั่นใจในการทำงานของตำรวจ ว่าจะไม่มีการปกป้องคนทำผิด ซึ่งทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว รวมถึงยังทำให้องค์กรและประเทศชาติเสียหายอย่างเด็ดขาด และเพื่อให้สังคมสบายใจ 

“ วันนี้ทางคณะกรรมการและพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ได้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนทั้งหมด เป็นพนักงานสอบสวนที่น่าเชื่อถือ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับ สน.ห้วยขวาง มาทำคดีนี้”