"เฉลิมชัย" เอาจริง ฝังทำลาย "หมูเถื่อน" กว่า 7 แสน กก. มากสุดเป็นประวัติการณ์

"เฉลิมชัย" เอาจริง ฝังทำลาย "หมูเถื่อน" กว่า 7 แสน กก. มากสุดเป็นประวัติการณ์

"เฉลิมชัย" เอาจริง! ฝังทำลาย "หมูเถื่อน" 723,786 กิโลกรัม มูลค่า 123 ล้านบาท มากสุดเป็นประวัติการณ์ ย้ำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปกป้องอาชีพของเกษตรกร และได้คุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคอย่างเต็มที่

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีฝังทำลายชิ้นส่วนเครื่องใน และเนื้อสุกร หรือ "หมูเถื่อน" ของกลางลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมเกียรติ กอไพศาล ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เพชรบุรี อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันปฏิบัติงานบังคับใช้กฎหมาย ในกรณีของการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องใน และเนื้อสุกรอย่างเคร่งครัดเสมอมา การปราบปรามการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรอย่างผิดกฎหมาย เป็นการปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรโดยเฉพาะรายย่อย และเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค

เนื่องจากชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรที่ลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอาจมีเชื้อโรคระบาดต่อสัตว์และไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมถึงทำลายกลไกราคาสุกรภายในประเทศ สร้างความเสียหายต่อระบบการเลี้ยงสุกรของประเทศไทยอย่างมหาศาล

\"เฉลิมชัย\" เอาจริง ฝังทำลาย \"หมูเถื่อน\" กว่า 7 แสน กก. มากสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับการฝังทำลายชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกร "หมูเถื่อน" ของกลางในวันนี้ มีจำนวนมากถึง 723,786 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท ซึ่งจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกสิบล้อพ่วง จำนวน 35 เที่ยว รถบรรทุกสิบล้อ จำนวน 3 เที่ยว รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 1 เที่ยว ถือเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยดำเนินการมา จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรและผู้บริโภคมั่นใจว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ปกป้องอาชีพของเกษตรกรและได้คุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคอย่างเต็มที่ และยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไป

ในปี 2565 ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมศุลกากร ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกรณีการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรจำนวนทั้งสิ้น 42 คดี ปริมาณน้ำหนักรวม 1,089,514 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 219 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการกับซากสุกรของกลาง แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้

- ส่วนที่หนึ่งทำลายไปแล้ว จำนวน 179,612 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 71 ล้านบาท

- ส่วนที่สองอยู่ในระหว่างดําเนินคดี จำนวน 186,116 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท เมื่อคดีสิ้นสุดจะได้ดำเนินการทำลายต่อไป

- ส่วนที่สามรวบรวมเพื่อทำลายในวันนี้ จำนวน 723,786 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท ชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรของกลาง ส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตมาจากต่างประเทศ เช่น บราซิล เยอรมนี และอิตาลี เป็นต้น

ทั้งนี้ วิธีการฝังทำลายชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรของกลางเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (World Organization for Animal Health หรือ WOAH) ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมในการทำลายซากและของเสียจากสัตว์ปริมาณมากที่สามารถทำได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

"ขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่ร่วมกันดำเนินการจนประสบความสำเร็จ และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องการให้มีการบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ สำหรับการเผาทำลายในวันนี้ จะเห็นว่ามีมูลค่ามหาศาล แต่ความจริงแล้วมีความเสียหายมากกว่า เพราะหากมีการปล่อยให้มีการลักลอบนำเข้าจะกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรแล้ว ยังเสี่ยงที่จะมีเชื้อโรคปนเปื้อนมา ซึ่งจะทำลายคุณภาพชีวิตของประชาชน จนไม่สามารถประเมินคุณค่าได้

อย่างไรก็ตาม นโยบายที่สำคัญของกระทรวงเกษตรฯ จึงต้องให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้านำเข้าแบบผิดกฎหมาย จะจับกุมทั้งหมด โดยจะดำเนินการอย่างถึงที่สุด และดำเนินการอย่างเด็ดขาด" ดร.เฉลิมชัย กล่าว