“บิ๊กโจ๊ก” ขอให้ “ชูวิทย์” มั่นใจ รอหลักฐานคดีตู้ห่าวชัด ฟันฟอกเงิน

“บิ๊กโจ๊ก” ขอให้ “ชูวิทย์” มั่นใจ รอหลักฐานคดีตู้ห่าวชัด ฟันฟอกเงิน

อัปเดต “บิ๊กโจ๊ก” เข้าใจ “ชูวิทย์” ไม่ไว้ใจหลังไม่เอาผิดข้อหาฟอกเงิน “ตู้ห่าว” กับพวก ย้ำทำคดีตามขั้นตอน ต้องรอบคอบรัดกุม ระดมคณะพนักงานสอบสวนฝีมือดีทั่วประเทศ กว่า 70 นาย ขอให้มั่นใจการทำงาน หากทำไม่ดีประชาชนจะไม่ศรัทธา อย่ากังวลใจ ยันยังอยู่ในกรอบเวลาการทำงาน

กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ให้ขอรับคดีตู้ห่าวสมคบค้ายาเสพติด เป็นคดีนอกราชอาณาจักร เพื่อให้ อสส. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ทำสำนวนคดีแทน พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เจ้าของท้องที่เกิดเหตุบุกจับผับจินหลิง เมื่อช่วงสายที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุถึงมุมมองตัวเองว่า การที่นายชูวิทย์ ออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว เป็นเพราะนายชูวิทย์ เป็นห่วงหลังได้นำข้อมูลหลักฐานต่างๆ มาให้ และกลัวตำรวจทำสำนวนไม่แน่น หากสรุปสำนวนแล้วอัยการหรือศาลยกฟ้องได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็น เพราะนายชูวิทย์ เข้าใจว่า สน.ยานนาวา ทำคดี สน.เดียวไม่มีความชำนาญ 

“ยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ และพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้แต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งมีทั้งตนเองและตำรวจนครบาล มีการระดมพนักงานสอบสวนฝีมือดีจากทั่วประเทศ รวมถึงมีอธิบดีอัยการคดียาเสพติด ป.ป.ส. และปปง. มาร่วมทำงานด้วย จึงขอให้นายชูวิทย์ มั่นใจว่าตำรวจทำคดีนี้อย่างรอบคอบรัดกุม และหากคดีนี้ตนทำไม่ดีคนที่เสียหายนอกจากตนเองแล้ว ประชาชนก็จะไม่ศรัทธาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้ขออย่ากังวลใจ” รอง ผบ.ตร.กล่าวย้ำ

พล.ต.อ.สุเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนของคดีมูลฐานฟอกเงิน ที่นายชูวิทย์ เป็นห่วงนั้น ย้ำว่าจะต้องมีการดำเนินคดีข้อหานี้อยู่แล้ว แต่มีกระบวนการขั้นตอน โดยเฉพาะการยึดทรัพย์ ตำรวจต้องทำบัญชีส่ง ป.ป.ส.และปปง. จากนั้นต้องนำเข้าคณะกรรมการธุรกรรมในการยึดอายัดทรัพย์ ก่อนที่จะเข้าสู่การดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินได้

พร้อมยอมรับว่า นายชูวิทย์ เป็นประชาชนที่แจ้งเบาะแสได้ดี เพราะข้อมูลเบาะแสหลายๆ อย่างตรงกันกับที่ตำรวจมี ขอย้ำว่าตอนนี้ตำรวจยังเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนอยู่ แต่หากมีการสืบสวนพบว่ามีการโอนเงินไปต่างประเทศจะเข้าความผิดนอกราชอาชณาจักร อัยการสูงสุดถึงจะเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน 

ดังนั้นมองว่าสิ่งที่นายชูวิทย์ พูดอาจจะเป็นการพูดล่วงหน้าไป แต่ย้ำว่าหลักฐานเดินไปถึงตรงไหนจะต้องดำเนินการตามนั้น แต่ว่าตอนนี้ยังอยู่ในกรอบระยะเวลา และสัดส่วนที่เราทำอย่างรัดกุมอยู่แล้ว ตลอดจนต้องเร่งรัด เพราะพนักงานสอบสวน และฝ่ายสืบสวนมากกว่า 60-70 คน ที่มาทำคดีนี้มีจำนวนมาก และต้องไปทำคดีอื่นไม่อย่างนั้นก็จะทำให้คดีอื่นล่าช้าไปด้วย