เทศบาลอุบลราชธานี วุ่นอีก เงินหายเพิ่มเป็น 58 ล้านบาท ตรวจไม่พบการแฮกข้อมูล

เทศบาลอุบลราชธานี วุ่นอีก เงินหายเพิ่มเป็น 58 ล้านบาท ตรวจไม่พบการแฮกข้อมูล

เทศบาลอุบลราชธานีวุ่นต่อ ตำรวจไซเบอร์ตรวจพบไม่ได้เป็นการแฮกข้อมูลพบเงินหายเพิ่มอีก 19 ล้านรวมแล้วกว่า 58 ล้านบาท คาดทำเป็นขบวนการ

(19 พ.ย.2565) จากกรณีที่นายอาทิตย์ คูณผล รองนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดซึ่งไม่ทราบเป็นใคร ซึ่งได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย ประเภทออมทรัพย์ และบัญชีกระแสรายวัน ชื่อบัญชี เทศบาลนครอุบลราชธานี โดยมีเงินถูกโอนไปจากทั้งสองบัญชี

จากนั้นพบว่า มีการโอนเงินไประบบซื้อของสินค้าออนไลน์เจ้าดัง และมียอดการโอนตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักแสนบาท รวมเป็นเงิน 39,042,839 บาท สงสัยว่าน่าจะมีการโจรกรรมข้อมูลบัญชีธนาคารเพื่อลักลอบทำธุรกรรมดังกล่าว

ทางเทศบาลอุบลราชธานี จึงมีความประสงค์ดำเนินคดีถึงที่สุดกับผู้กระทำความผิดและขอให้ทาง ธนาคารกรุงไทย ตรวจสอบข้อมูลในเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากเทศบาลไม่เคยทำธุรกรรมการซื้อขายสินค้าออนไลน์แต่อย่างใด

ต่อมา นางสาวพิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ได้มอบอำนาจให้ปลัดเทศบาลนครอุบลราชธานี พร้อมด้วย ผู้อำนวยการกองคลังและผู้อำนวยการส่วนพัฒนารายได้และนิติกร 2 คน เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สทอ.) หรือตำรวจไซเบอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญ ร่วมตรวจสอบว่า ใครเป็นผู้ทำธุรกรรมการเงิน หรือเป็นการโจรกรรมข้อมูลบัญชีธนาคารเพื่อลักลอบทำธุรกรรมดังกล่าว

ล่าสุดวันนี้ (19 พ.ย.2565) มีรายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบของตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สทอ.) หรือตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืออุบลราชธานี โดยเรียกเจ้าหน้าที่เทศบาลนครอุบลราชธานี ประกอบด้วย นายอัมพล ทองพุ ปลัดเทศบาลนครอุบลฯ , ผอ.กองคลัง หัวหน้าส่วนการคลัง และเจ้าหน้าที่การเงินรวมถึงพยานบุคคล มาสอบปากคำ พร้อมให้นำหลักฐานเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงิน CPU คอมพิวเตอร์ รวมถึงระเบียบแนวทางปฏิบัติในเรื่องการเงิน รายชื่อคณะกรรมการควบคุมรายงานการเงินมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี

ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ คงศักดิ์ตระกูล ผกก.สภ.เมือง จ.อุบลราชธานี กล่าวว่าจากการสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สทอ.) หรือตำรวจไซเบอร์ เบื้องต้นพบว่า ไม่ได้เป็น การแฮกข้อมูล หรือ โจรกรรมข้อมูล  เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ จึงได้มอบหมายให้ สภ.เมือง เป็นผู้ดำเนินการในด้านการสืบสวนสอบสวน

ส่วนความคืบหน้าของคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนได้เรียกผู้เกี่ยวข้อง พยานบุคคลมาให้การแล้วรวม 10 ปาก และกำลังรอพยานหลักฐาน 2 ส่วนจากระบบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และหลักฐานจากธนาคารกรุงไทย

ส่วนที่สอบสวนผู้เกี่ยวข้องและจากการตรวจสอบหลักฐานไปแล้วนั้น พบว่าได้มีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย ประเภทออมทรัพย์ และบัญชีกระแสรายวัน ชื่อบัญชีเทศบาลนครอุบลราชธานี แล้วโอนเข้าไประบบซื้อของสินค้าออนไลน์พบการกระทำผิด ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 รวมความเสียหายรวมเป็นเงินกว่า 58 ล้านบาท จากเดิมที่ทางเทศบาลนครอุบลแจ้งความไว้ว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถึง วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 จำนวน 39,042,839 บาท และตรวจสอบเพิ่มเติมพบเงินหายเพิ่มอีกประมาณ 19 ล้านบาท