อลเวง! เมียหอบเงิน ถูกรางวัลที่ 1 หนีไปกับกิ๊ก พบมีผัว 2 คนอยู่ในบ้านเดียวกัน

สุดอลเวง! เมียหอบเงิน "ถูกรางวัลที่ 1" หนีไปกับผัวใหม่ พบมีผัว 2 คนอยู่บ้านหลังเดียวกัน ด้าน "อดีตทหาร" ผัวคนที่ 2 จี้ให้รีบมาเซ็นใบหย่าแล้วจะปล่อยไปตามทาง

ความคืบหน้ากรณี นายมะนิช (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชายชาวจังหวัดร้อยเอ็ด "ถูกรางวัลที่ 1" สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา รับเงิน 6 ล้านบาท โดยเจ้าตัวได้โอนเงินรางวัลเข้าบัญชีเมียที่อยู่กินกันมากว่า 20 ปี ซึ่งก็คือ นางอังคนารัตน์ (สงวนนามสกุล) แต่สุดท้ายถูกเมียรักหอบเงินหนีไปกับสามีใหม่

 

 

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ หมู่ที่ 5 บ้านคางฮุง ต.ธวัชบุรี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีเงินรางวัลที่ 1 ดังกล่าว แต่ไม่พบผู้เสียหายและลูก ๆ พบเพียงนายเพ็ญ พี่ชายของนางอังคนารัตน์ และนายสัมฤทธิ์ อาของนางอังคนารัตน์ ที่กำลังให้ปากคำกับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ซึ่งเดินทางมาสอบถามถึงที่บ้าน

 

โดยพี่ชายและอาของนางอังคนารัตน์แจ้งว่า นายมะนิช ซึ่งเป็นสามีและลูก ๆ ของนางอังคนารัตน์ เดินทางไปออกรายการ "โหนกระแส" ที่กรุงเทพฯ ที่บ้านจึงมีเพียงญาติและ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ อดีตทหารนอกราชการ ซึ่งเป็นสามีอีกคนของนางอังคนารัตน์ ที่อยู่เฝ้าบ้านและให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

 

ซึ่ง จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ อดีตทหารนอกราชการ สามีอีกคนของนางอังคนารัตน์ เปิดเผยว่า เดิมทีนายมะนิช อายุ 49 ปี เป็นสามี ของนางอังคนารัตน์ อยู่กินกันมา 26 ปี มีลูกชาย 2 คน และลูกสาว 1 คน ซึ่งอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่ต่อมานางอังคนารัตน์ได้ขอให้ตนมาจดทะเบียนสมรสเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เพื่อที่จะได้เข้ามาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายครอบครัว และเพื่อส่งเสียลูก ๆ ของนางอังคนารัตน์เรียนหนังสือ ตามข้อตกลง โดยให้แยกห้องนอนกันของสามีคนละห้องในบ้านหลังเดียวกัน ตลอดเวลาที่อยู่กันมาก็ไม่มีปัญหาอะไร อยู่กันได้ด้วยความสงบ ไม่เคยมีการกระทบกระทั่งกันเลย

 

กระทั่งมาเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น หลังจากที่นายมะนิช "ถูกรางวัลที่ 1" โดยขณะที่ไปรับเงินจำนวน 6 ล้านบาทที่สำนักงานกองสลากฯ นายมะนิชได้ให้โอนเข้าบัญชีธนาคาร ธ.ก.ส.ของนางอังคนารัตน์ จากนั้นก็ได้จัดงานทำบุญขึ้นในบ้านและความก็มาแตก โดยช่วงที่ทำบุญบ้านจู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จักปรากฏตัวขึ้น ทำทีมาช่วยงานและมากินนอนอยู่ในบ้าน พอมีคนถามก็อ้างว่าเป็นญาติตน (จ.ส.อ.เทิดศักดิ์) แต่ตนก็บอกญาติคนอื่น ๆ ว่าไม่รู้จัก

 

จนนางอังคนารัตน์ได้อ้างว่าเป็นญาติที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด กระทั่งงานเสร็จก็ปรากฏว่า นางอังคนารัตน์ได้หายตัวไปพร้อมกับชายคนดังกล่าว โดยหอบเอาเงินในบัญชีที่มีอยู่จำนวน 4 ล้าน 9 แสน 3 หมื่นบาทไปด้วย กระทั่งพวกตนมารู้ทีหลังว่าชายคนดังกล่าวเป็นแฟนคนใหม่ของนางอังคนารัตน์ ที่คาดว่าน่าจะรู้จักกันทางโซเชียลและแอบคบหากันมา

 

จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนเป็นสามีที่จดทะเบียนสมรสถูกต้อง ด้วยความยินยอมของทั้งนายมะนิช และลูก ๆ ทั้ง 3 คนของนางอังคนารัตน์ โดยตนตั้งใจเข้ามาดูแลสวัสดิการทุกอย่างให้กับครอบครัว และส่งเสียลูก ๆ ของนางอังคนารัตน์เรียนหนังสือ และหากตนเสียชีวิตก็ยินดีจะมอบเงินบำนาญทั้งหมดให้นางอังคนารัตน์และลูก ๆ จึงเป็นที่ยอมรับ

 

แต่คาดไม่ถึงว่านางอังคนารัตน์จะแอบมีกิ๊กอีกคน (คนที่ 3) ซึ่งเมื่อเป็นไปแล้วก็ไม่ว่าอะไร ขออย่างเดียวคือให้กลับมาเซ็นใบหย่าให้ถูกต้อง ตนก็พร้อมที่จะให้ไปโดยไม่ติดใจอะไรถ้าอยากจะมีคนใหม่ เรื่องเงินที่ถูกรางวัลที่ 1 ตนไม่ติดใจ เพราะตนไม่ได้ต้องการเงินนั้นอยู่แล้ว แค่ต้องการให้นางอังคนารัตน์กลับมาเซ็นใบหย่า ทุกอย่างจบ ๆ กันไป

 

ทางด้าน นายเพ็ญและนายสัมฤทธิ์ พี่ชายและอาของนางอังคนารัตน์ กล่าวว่า ขอให้กลับมาตกลงกัน โดยต้องการให้นำเงินที่ถูกรางวัลที่ 1 ส่วนที่เหลือกลับมาแบ่งกันคนละครึ่ง เพื่อให้สามีคนแรกได้เก็บไว้ใช้ดูแลลูก ๆ และครอบครัว แล้วค่อยไปอยู่กันสามีใหม่ ทุกคนก็ยินดีที่จะไม่เอาเรื่องและไม่ติดใจ แต่ขอให้กลับมาตกลงกันให้จบแล้วค่อยไป เรื่องทุกอย่างจะได้จบ ๆ ไปด้วยดี

 

ขณะที่ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี กล่าวว่า ที่มาวันนี้้ก็มาเพื่อให้คำแนะนำกับผู้เสียหาย หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้เข้าแจ้งความไว้ว่าจะขออายัดบัญชีของเมียที่หนีไปพร้อมกับเงินที่ถูกรางวัลที่ 1 จำนวนหลายล้าน ซึ่งเบื้องต้นตนได้ชี้แจงว่าไม่สามารถอายัดเงินในบัญชีได้เพราะเป็นชื่อของเมีย และอีกอย่างนายมะนิชไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนางอังคนารัตน์ จึงได้แนะนำให้ลงบันทึกเหตุไว้เป็นหลักฐานในเบื้องต้นก่อน แต่เจ้าตัวไม่ประสงค์จะลงบันทุกประจำวันไว้

 

"วันนี้จึงเดินทางมาพบเพื่อที่จะสอบสวนปากคำเพิ่มเติมในรายละเอียดของการเกิดเหตุ เพื่อที่จะพิจารณาว่าเข้าข่ายการยักยอกทรัพย์หรือไม่ ถ้าเข้าข่ายก็จะให้ทำการบันทึกแจ้งความเพื่อดำเนินการตามขั้นตนของกฎหมาย แต่ก็พบเพียงญาติ ๆ ของผู้เสียหายอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว โดยแจ้งมาว่าหลังจากนายมะนิชและลูกเดินทางกลับจาก กทม. จะให้เดินทางไปพบที่ สภ.ธวัชบุรี ในทันที"