จับแล้วมือมีดทำร้ายลุง-หลาน โดน 2 ข้อหาหนัก อ้างอุบัติเหตุไม่ได้ตั้งใจฟัน

จับแล้วมือมีดทำร้ายลุง-หลาน หลังลูกสาวร้องเพจดังคดีไม่คืบ ตำรวจเค้นสอบยังปากแข็ง อ้างไม่ได้ตั้งใจฟันเป็นแค่อุบัติเหตุช่วงชุลมุน โดน 2 ข้อหาหนัก

จากกรณีคลิปที่มีการร้องเรียนผ่านเพจดังโดยระบุว่า นายสมควร อายุ 59 ปี และนายสุนทร อายุ 39 ปี สองลุงหลานถูกกลุ่มชายวัยรุ่น 3 ราย รุมทำร้ายที่บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถของนายสมควร ในพื้นที่บ้านวังยาง ต.ตะเคียนเลื่อน จ.นครสวรรค์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยถูกฟันเข้าที่ข้างหูจนเลือดสาดต้องเย็บถึง 20 เข็ม

 

 

โดยลูกสาวของนายสมควรได้ร้องเรียนไปที่เพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2" พร้อมเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่า "ผ่านล่วงเลยมาหลายวัน เพราะเกิดเหตุตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า จึงหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่ปลอดภัย เนื่องจากกลุ่มคนที่ทำร้ายซึ่งเป็นคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันยังคงลอยนวล" ทั้งนี้เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ เจ้าของพื้นที่ที่เกิดเหตุ ได้เร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานในการเร่งออกหมายเรียกผู้กระทำผิดทั้ง 3 ราย มาดำเนินคดี

 

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้(16 พฤศจิกายน 2565) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ฝ่ายงานสืบสวนของ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดี พบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่น 3 ราย ที่นายสมควรและนายสุนทรแจ้งจับข้อหารุมทำร้ายร้างกายจนได้รับบาดเจ็บ มาสอบสวนยังโรงพัก พร้อมกับยึดของกลางอาวุธมีดดายหญ้า 1 เล่ม ที่ใช้ก่อเหตุ และรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ตอนเดียว หมายเลขทะเบียน ผข 8622 นครสวรรค์ ของนายสาธิต หรือ นำ อายุ 26 ปี มาตรวจสอบ ซึ่งในการสอบปากคำทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแยกห้องกันสอบสวนเพื่อรวบรวมรายละเอียดนำมาสรุปสำนวน โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง

 

 

สำหรับคดีนี้ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยว่า นายสาธิต หรือ นายนำ เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด โดยนายสาธิตมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และในคืนวันเกิดเหตุกำลังขับรถพาคนงานอีก 2 คนที่ปรากฏอยู่ในคลิปกลับที่พัก แต่ระหว่างทางเกิดไปมีเรื่องกับนายสมควร โดยกล่าวหาว่านายสมควรนั้นขับรถปาดหน้า จนกลายเป็นเรื่องทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันขึ้น ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้น นายสาธิตสารภาพว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจใช้มีดฟันนายสุนทรแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุในช่วงที่กำลังชุลมุน

 

ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า นายสาธิตได้ทำร้ายร่างกายนายสมควร โดยไม่มีอาวุธ จนนายสมควรล้มสะบักสะบอมนอนฟุบลงไปที่พื้น ท่ามกลางญาติพี่น้องของนายสมควรหลายคนออกมาเห็นเหตุการณ์และเข้าห้ามปราม ก่อนจะมีการช่วยกันพยุงตัวนายสมควรพาขึ้นไปนั่งบนรถของเจ้าตัวเพื่อเตรียมพาไปโรงพยาบาล แต่ในช่วงเวลานั้นนายสุนทร หลานของนายสมควรได้เดินออกมาเห็น จึงได้เข้าไปต่อว่านายสาธิต จนนำไปสู่การที่นายสาธิตโมโหวิ่งไปหยิบมีดดายหญ้าที่หลังรถแล้วพุ่งตรงเข้าหานายสุนทรทันที

 

แต่นายสาธิต (ผู้ก่อเหตุ) ยืนยันว่าไม่ได้หวังจะนำมีดไปฟัน เป็นเพียงแค่นำไปขู่ และทันทีที่นายสาธิตเข้าประชิดตัวนายสุนทรได้แล้วก็ได้เข้าไปล็อกคอก่อน จากนั้นก็เกิดการฉุดกระชากลากกันไปมาแล้วก็ไปล้มคว่ำทับกัน จนมีดที่ถือมาเข้าไปเฉาะที่หูของนายสุนทรจนเป็นบาดแผลฉกรรณ์ต้องเย็บถึง 20 เข็มดังกล่าว

 

เมื่อถามถึงอีก 2 คนที่เหลือ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ทั้งคู่มายืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เนื่องจากเป็นแค่คนงานของนายสาธิต และในช่วงเกิดเหตุทั้งคู่ก็ได้มีการเข้าห้ามปรามนายสาธิตอยู่ตลอดเวลา แถมยังไปช่วยพยุงตัวนายสมควรที่ถูกทำร้ายไปก่อนหน้านี้พาขึ้นรถด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากอู่ซ่อมรถของนายสมควรอย่างละเอียดแล้ว ก็พบว่าทั้งคู่ไม่ได้มีการไปรุมทำร้ายด้วยแต่อย่างใด และเป็นไปตามที่ทั้ง 2 ได้ให้การ จึงได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายสาธิตเพียงคนเดียว ใน 2 ข้อกล่าวหาคือ ข้อหาพยายามฆ่า และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ

 

ในช่วงที่ตำรวจคุมตัวนายสาธิตนำส่งในกับพนักงานสอบสวน ผู้สื่อข่าวได้พยายามเข้าสอบถามถึงเรื่องราวและข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่นายสาธิตบอกแค่ไม่ได้ถือมีดไปฟันคู่กรณี และยืนยันว่าไม่ได้ฟัน ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ เจ้าตัวไม่ยอมพูดถึงแต่อย่างใด จากนั้นจึงถูกนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป