ตร.วุ่น สกัดจับ "คนไทยอุ้มชาวจีน" เรียกค่าไถ่คดีพลิก ปมแลกเงิน 3 ล้าน

ตร.วุ่น สกัดจับ "คนไทยอุ้มชาวจีน" เรียกค่าไถ่คดีพลิก ปมแลกเงิน 3 ล้าน

ตำรวจ สน.สุทธิสาร สกัดจับ ปิดล้อมจับคนไทยและคนจีน หลังรับแจ้งชาวจีนถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ 3 ล้าน ปมนัดแลกเงินไทยเป็นเงินหยวน แต่นัดหมายแล้วไม่มา จึงรวมตัวกันไปตามหาชาวจีนตัวกลางรับแลก เจ้าตัวกลัวโทรแจ้งเพื่อนอ้างถูกอุ้ม เพื่อนโทรแจ้ง 191 นำกำลังสกัดจับ สุดท้ายยอมคืนเงินรับแลก ลงบันทึกประจำวันนัดหมายคืนเงิน

กลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ สน.สุทธิสาร กทม. ได้รับเเจ้งเหตุ มีชายฉกรรจ์ลักพาตัวชาวจีน จากคอนโดมิเนียม แห่งหนึ่งย่านรัชดา จึงเร่งประสานตำรวจสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ 191 ช่วยสกัดจับตามทะเบียนรถที่ได้รับแจ้ง โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ก่อนสืบทราบว่ารถคันที่ก่อเหตุไปจอดไว้หน้าอาคารพาณิชย์ ที่ตลาดสำเพ็ง 2 ย่านกัลปพฤกษ์ จึงทำการปิดล้อมจับกุมได้ตัวผู้ก่อเหตุ 5 คน เป็นคนไทย 4 คน คนจีน 1 คน และชาวจีนที่ถูกลักพาตัว 1 คน ตำรวจจึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบปากคำที่ สน.สุทธิสาร

จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุชาวไทย และชายชาวจีนที่ถูกลักพาตัวให้การตรงกันว่าได้นัดกันแลกเงินสกุลไทยเป็นสกุลหยวนมูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง และคนไทยได้โอนเงินสกุลไทยไปให้ชายคนหนึ่งที่อ้างว่า เป็นคนแลกเงินในกลุ่มชาวจีนผู้เสียหาย โดยนัดว่าจะนำเงินสกุลหยวนมามอบให้ที่ร้านอาหาร แต่รอนานหลายชั่วโมง ชายคนดังกล่าวก็ไม่นำเงินมามอบให้ จึงตัดสินใจเดินทางไปปรึกษากันที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาภิเษก

 ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันไปตามหาชายที่รับโอนเงิน ที่ตลาดสำเพ็ง 2 ย่านกัลปพฤกษ์ ฝั่งธนบุรี  ในระหว่างเดินทาง ชาวจีนผู้เสียหายได้โทรไปแจ้งเพื่อนโดยระบุว่า ถูกอุ้มไปเคลียร์เรื่องเงิน 3 ล้านบาท จนทำให้เพื่อนของชาวจีนผู้เสียหายตัดสินใจโทรแจ้งสายด่วน 191 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังออกไปสกัดจับรถคันดังกล่าว ที่อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งบริเวณตลาดสำเพ็ง 2 และเชิญตัวทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำที่ สน.สุทธิสาร 

ทั้งนี้ จากการพูดคุยเจรจากันทั้งสองฝ่าย ชาวจีนผู้เสียหายรับปากว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวมาชดใช้ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนัดหมายให้ทั้งสองฝ่ายมาตกลงเรื่องการคืนเงินกันอีกครั้ง ส่วนประเด็นเรื่องการลักพาตัวนั้นพบว่าเป็นความเข้าใจผิดของชาวจีน ซึ่งอาจเกิดจากการสื่อสารกับเพื่อนทางโทรศัพท์จึงไม่ได้มีการดำเนินคดีกับฝ่ายใด