FETCO แนะรัฐอัดมาตรการกระตุ้นศก.โค้งท้ายปี หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน ดันจีดีพีแตะ1%

FETCO แนะรัฐอัดมาตรการกระตุ้นศก.โค้งท้ายปี หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน ดันจีดีพีแตะ1%

“เฟทโก้” เผย ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น 124.3% มาที่ 144.37 อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง แนะรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มไตรมาส 4 /64 เร่งเบิกจ่ายพรก.เงินกู้ 5 แสนล้านภายในปีนี้ ดันจีดีพีโต 1% เรียกความเชื่อมั่นเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง

163093338865 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า(เดือนพ.ย. 2564 ) อยู่ที่ระดับ 144.37 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 124.3% จากเกณฑ์ซบเซาเดือนก่อน มาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”     

ทั้งนี้จากนักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีนมีความชัดเจนขึ้น เพื่อคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 เป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและเงินทุนไหลเข้า ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกปัจจุบัน รองลงมาคือ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ และความขัดแย้งระหว่างประเทศ

สำหรับผลสำรวจรายกลุ่มนักลงทุน พบว่า  ความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 95% อยู่ที่ระดับ 127.96 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม233% อยู่ที่ระดับ 166.67 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 130% อยู่ที่ระดับ133.33 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับเพิ่ม 140% อยู่ระดับ 160  ขณะที่นักลงทุนสนใจลงทุน มากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK) และไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)

   

นายไพบูลย์ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2564 มีโอกาสปรับขึ้นมากกว่า 1,650 จุด หากภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในไตรมาส 4 ปีนี้ในระดับที่นำไปสู่การปรับขึ้นของจีดีพีปีนี้ ขยายตัวแตะ 1% จากปัจจุบันที่ 0%หรือเป็นบวกเล็กน้อยจากปีก่อนพร้อมกับต้องมีแผนการฉีดวัคซีนและรับมือคุมการแพร่ระบาดที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่องหลังจากนี้ 

ทั้งนี้มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้  ยังต้องเน้นกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ในกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ , กระตุ้นการจ้างงานใหม่ๆและสนับสนุนช่วยเหลือเอสเอ็มอี ด้วยการเร่งเบิกจ่ายวงเงินกู้ 500,000 ล้านบาททั้้งหมดในปีนี้ 

รวมถึงการเตรียมแผนขยายเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่  70-75% เพื่อมีเม็ดเงินมากขึ้นใช้กระตุ้นเศรษฐกิจปีหน้า เน้นการใช้จ่ายในประเทศ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยว  หนุนให้ศรฐษกิจไทยปี 2565 ฟื้นเร็ว คาดจะขยายตัวที่ 4% และดัชนีหุ้นไทยจะไปแตะระดับ 1,800 จุด 

"ยังต้องติดตามสถานการณ์หลังคลายล็อกดาวน์รอบนี้ว่ายอดผู้ติดเชื้อจะลดลงได้แค่ไหน แต่นักลงทุนมองข้ามไปปีหน้าแล้วและมองดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้อยู่ที่ 1,650 จุด บวกลบ ซึ่งอัพไซด์จากตรงนี้ถึงปลายปีไม่มาก ขณะที่ดาวน์ไซด์ก็ไม่มากเช่นกัน การกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ ยังเป็นความท้าทายของรัฐบาลเพราะยังต้องมีแผนรับมือทั้งคุมการแพร่ระบาดและการฉีดวัคซีนในระดับครบสองเข็ม " 

ส่วนเรื่องราคาหุ้น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA หรือหุ้นที่มีฟรีโฟลทต่ำที่มีผลต่อดัชนีนั้น  นายไพบูลย์ กล่าวว่า  ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดูแลเรื่องหุ้นฟรีโฟลทต่ำอยู่ และหาทางแก้ปัญหาตรงนี้ ซึ่งมีการเฮียริ่งหลายรอบ แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่ายังไม่ควรเปลี่ยน แต่ก็ยอมรับว่าก็มีผลต่อดัชนี ทางแก้อาจทำดัชนีชุดใหม่ ซึ่งก็ต้องดูต่อไป