'กรุงไทย' จับตา'เงินบาท' พลิกกลับมา'แข็งค่าสูงสุด' ในรอบ2เดือน

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย  เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ (31ส.ค.) ที่  32.25 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุด ในรอบเกือบ 2 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม)  และแข็งค่าจากเปิดตลาดที่ 32.44 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับวันนี้เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้น มาจากแรงซื้อสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ที่ยังคงเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 3.9 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็มีแรงซื้อบอนด์สุทธิกว่า 6 พันล้านบาท โดยที่น่าสนใจคือ ราว 4.3 พันล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิบอนด์ระยะสั้น ซึ่งอาจสะท้อนภาพการเก็งกำไรค่าเงินบาท

นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาท อาจจะยังได้แรงหนุนจากการปรับมุมมองของผู้ส่งออก จากเดิมที่รอคอยขายเงินดอลลาร์ที่ระดับใกล้ 32.80 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อเห็นว่าแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ก็เริ่มมีโฟลว์มาขายเงินดอลลาร์บ้าง แต่เชื่อว่า ผู้ส่งออกยังไม่ถึงขั้น panic sell แต่ภาวะดังกล่าวก็อาจเกิดขึ้นได้ หากเงินบาทแข็งค่าทะลุ 32 บาทต่อดอลลาร์ 

ขณะเดียวกัน ฝั่งผู้นำเข้าก็เริ่มทยอยปรับระดับราคา มารอซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าใกล้ 32 บาทต่อดอลลาร์  ส่วนปัจจัยเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังงานสัมนา เฟดที่ Jackson Hole ก็มีผลต่อเงินบาทบ้าง แต่หลักๆ คือโฟลว์ซื้อสินทรัพย์ไทยสุทธิที่มีผลค่อนข้างมากกับเงินบาทในช่วงนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็วนั้น ก็ถือว่าเร็วกว่าที่เราเคยประเมินไว้ โดยเรามองว่า เงินบาทยังมีปัจจัยช่วยหนุนการแข็งค่าจากความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown โดยมีโอกาสเห็นเงินบาทแกว่งตัวในกรอบ 32.10-32.30 บาทต่อดอลลาร์ได้ในวันพรุ่งนี้(1 ก.ย.)  ซึ่งต้องรอลุ้นตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ด้วย เพราะหากยอดการจ้างงานในสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าคาด เงินดอลลาร์ก็อาจพอมีแรงหนุน ไม่ให้อ่อนค่าลงต่อ

"เรามองว่า การผ่อนคลายมาตรการ Lockdown โดยที่ยอดผู้ติดเชื้อและอัตราการพบเชื้อหรือ positive rate ยังสูงอยู่นั้น จะทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะเห็นการระบาดระลอกใหม่ในอีก 3-4 สัปดาห์ ซึ่งเรามองว่า ภาพดังกล่าวจะกดดันให้เงินบาทกลับไปอ่อนค่าลงได้แน่นอน แต่กว่าที่จะถึงรอบการอ่อนค่าของเงินบาทจากการระบาดระลอกใหม่ ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า แนวรับเงินบาทแถว 32 บาทต่อดอลลาร์ จะสามารถรับมือการแข็งค่าของเงินบาทได้หรือไม่ "