ออริจิ้นผนึกเจดับเบิ้ลยูดีปั้น“แอลฟา”5ปี‘ท็อป3’โรงงาน-คลังสินค้า‘ล้านตร.ม.’

ออริจิ้นผนึกเจดับเบิ้ลยูดีปั้น“แอลฟา”5ปี‘ท็อป3’โรงงาน-คลังสินค้า‘ล้านตร.ม.’

แนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เป็นที่มาของการผนึกความร่วมมือระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่!

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท ร่วมทุนกับ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้ง บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด สัดส่วน 50:50 เพื่อผสานจุดแกร่งร่วมดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมพร้อมบริการครบวงจร ภายใต้แบรนด์ แอลฟา (ALPHA)

“เราเชี่ยวชาญด้านการหาที่ดิน การจัดการต้นทุนในการพัฒนาโครงการ มีพันธมิตรด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในฝั่ง B2C เจดับเบิ้ลยูดี เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารคลังสินค้า บริการที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ มีเครือข่ายที่แข็งแรงอยู่ทั่วอาเซียน มีฐานลูกค้าที่กว้างขวางโดยเฉพาะฝั่ง B2B ความร่วมมือครั้งนี้ จึงเป็นการซินเนอร์ยีเพื่อตอบโจทย์ตลาดครบวงจรทั้งกลุ่ม B2B และ B2C ภายในปี 2568 ก้าวขึ้นเป็นท็อปทรีของอสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรม”

ทางด้าน ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แอลฟา มุ่งดำเนินงาน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.อสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรม อาทิ คลังสินค้า ศูนย์โลจิสติกส์ สวนอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ระบบการจัดการคลังสินค้าออนไลน์ 2.อสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนเมือง อาทิ บริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สิน ในคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร บริการคลังสินค้าออนไลน์ย่อย 3.การบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มการบำบัดน้ำเสีย กลุ่มก่อสร้าง

“ความต้องการด้านโลจิสติกส์โซลูชั่นในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับความต้องการที่ซับซ้อน เฉพาะทางมากขึ้น เราและออริจิ้นจึงบูรณาการครบวงจรที่แตกต่างจากตลาด เราไม่ได้แค่หาที่ดินมาพัฒนาคลังสินค้า แต่จะมีทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ซอฟต์แวร์ ระบบออโตเมชั่น หุ่นยนต์ บริการที่ซับซ้อนอื่นๆ นำเสนอลูกค้าฝั่ง B2B ในหลากหลายประเภทธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภคในโครงการที่อยู่อาศัย ให้ทำธุรกิจ อีคอมเมิร์ซจากที่พักอาศัยได้สะดวกยิ่งขึ้น”

ตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี หรือ ปี 2568 แอลฟา จะมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าภายใต้การบริหารมากกว่า 1 ล้าน ตร.ม. มีมูลค่ากองรีท12,000 ล้านบาท และมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนเสนอขายแก่นักลงทุนในรูปแบบทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2566

ปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจอาหารในช่วงสถานการณ์โควิด -19 ประกอบกับนโยบายการสนับสนุนต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นโยบายการส่งเสริมการผลิตรถไฟฟ้า ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น

บริษัทจึงใช้จุดแตกต่างทั้งด้านความยืดหยุ่นและความสามารถนำเสนอโลจิสติกส์ โซลูชั่น ที่ซับซ้อน ทันสมัย และครบวงจร เจาะลูกค้าเป้าหมายหลัก 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มอีคอมเมิร์ซ 2.กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ห้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยา และเวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 3.กลุ่มเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย 4.กลุ่มธุรกิจยานยนต์และ รถไฟฟ้า(EV) 5.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนเมือง 6.กลุ่ม ดาต้าเซ้นเตอร์

ช่วง 5 ปีจากนี้ แอลฟา จะเติบโตด้วยตัวเองในสัดส่วน 60% ผ่านการพัฒนาพื้นที่บริหาร 120,000 ตร.ม.ต่อปี และการเติบโตทางลัด 40% ผ่านการควบรวมหรือซื้อกิจการ เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายใต้การบริหารอีก 80,000 ตร.ม.ต่อปี โดยมองทำเลการเติบโตหลากหลายกลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรม อาทิ บางนา แหลมฉบัง ระยอง และวังน้อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัทจะมุ่งไปก่อนเป็นกลุ่มแรกในปีนี้ 2.กลุ่มคลัสเตอร์ระดับภูมิภาค อาทิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือ 3.กลุ่มศูนย์กลางธุรกิจ ทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองหลักในจังหวัดต่างๆ 4.กลุ่มตลาดต่างประเทศ มุ่งเน้นเพื่อนบ้านที่มีการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา

“เราเริ่มบุกด้วยทำเลที่มีความต้องการสูงและออริจิ้นเชี่ยวชาญอยู่แล้วอย่างโซนบางนา-อีอีซี และการจะขยายไปยังตลาดต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเจดับเบิ้ลยูดี มีการลงทุนและพันธมิตรทั้งในเวียดนามและอินโดนีเซียอยู่แล้ว ทำให้เกิดการเติบโตตามธรรมชาติ และการเติบโตจากการซื้อหรือควบรวมกิจการ เพื่อให้มีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้ารวม 1 ล้าน ตร.ม.ได้ตามเป้า”

โดยเริ่มโครงการแรก แอลฟา บางนา กม.22 บนพื้นที่ 24 ไร่ บน ถนนบางนา ตราด กม.22 เป็นโครงการคลังควบคุมอุณหภูมิแบบ Multi-temperature มีตัวอาคารสูงพิเศษกว่า 23 เมตร เป็นโครงการแรกของไทยที่เป็นคลังสินค้าออนไลน์สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แบบควบคุมอุณหภูมิ รองรับระบบการจัดเก็บอัตโนมัติ พื้นที่ 22,000 ตร.ม. เริ่มก่อสร้างปลายไตรมาส 2 นี้ เริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 1 ปี 2565