กลุ่มพลังงานมีโอกาสมีบทบาทกับตลาดมากขึ้น

กลุ่มพลังงานมีโอกาสมีบทบาทกับตลาดมากขึ้น

การลด QE ยังไม่ใช่การลดสภาพคล่อง (Tapering ไม่ใช่ tightening)

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เจอโรม พาวเวลส่งสัญญาณในการประชุมประจำปีว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้ และยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐ มาถึงจุดที่ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากเฟดอีกต่อไป ปฏิกิริยาของตลาดดูเป็นบวก เราคาดว่าเนื่องจาก 1) การลด QE ที่เกิดขึ้น ยืนยันถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 2) การลด QE (หรือ tapering) เป็นเพียงการลดระดับการอัดฉีดเงินเข้าเศรษฐกิจ สภาพคล่องโดยรวมในระบบยังเพิ่มขึ้น เพียงแต่เพิ่มในอัตราที่ชะลอลง แต่ยังไม่ใช่การดึงสภาพคล่องออกจากระบบ (tightening) ภาพรวมหุ้นโลกในระยะสั้นมีแนวโน้มลดความกังวลเกี่ยวกับการลดการผ่อนคลายลง จนถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ปลายก.ย.ที่น่าจะเห็นการให้ข้อมูลแผนการลดระดับของการซื้อพันธบัตร

เฮอริเคนไอด้าและประชุมโอเปคหนุนราคาน้ำมันระยะสั้น เข้าสู่ช่วงฤดูกาลเฮอริเคน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นจากการปิดและลดกำลังการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก โดยพายุเฮอริเคนไอด้า (Ida) จะเป็นเฮอริเคนลูกแรกในปีนี้ ข้อมูลล่าสุดความเร็วลมของไอด้าอยู่ในระดับ 4 (แรงกว่า Katrina ที่อยู่ระดับ 3) เราประเมินความกังวลผลกระทบความเสียหายจากพายุรวมถึงการประชุมกลุ่มโอเปคพลัสในวันพุธ จะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันดิบและหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น

ธีมการลงทุนระยะสั้น กลุ่มสื่อสารและ REITs ยังเป็นแหล่งพักเงินที่ดี ในช่วงที่ตลาดกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงการปรับประมาณการผลประกอบการที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เรามองทยอยสะสม ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART / เก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน JAS, ALT / ทยอยสะสมสาธารณูปโภค RATCH, EASTW, WHAUP, TTW / กลุ่มอาหารและเกษตร TVO, TU, CPF, GFPT, TWPC / เก็งกำไร กลุ่มเดินเรือ PSL, TTA, RCL / เก็งกำไรกลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP, BGC / เก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุนกลุ่มเปิดเมือง BBL, SCB, KBANK, CPN, CRC, MINT (มีร.ร.ในตปท.), SHR (มีร.ร.ในตปท.) / เก็งกำไรทางเทคนิค MDX, TH, VNG, SKN, WIIK

ภาพรวมกลยุทธ์: ยกกรอบการแกว่งขึ้นมาเป็น 1,595-1,630 จุด ตลาดยังได้อานิสงค์จากการสลับฟื้นตัวในหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตามระวังแรงทำกำไรสลับในหุ้นที่ขึ้นแรง หุ้นกลาง-เล็กที่มีแรงขายทำกำไรหนัก มีโอกาสฟื้นตัว การเก็งกำไรควรกำหนดจุดตัดขาดทุนและแบ่งทำกำไรทุกครั้ง//หุ้นแนะนำ: TOP*, SCB*, EASTW*, DMT*

แนวรับ: 1,600/ แนวต้าน : 1,620-1,630 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

ศบค.มีมติผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด. โดยอนุญาตให้กิจการบางประเภทกลับมาเปิดทำกการได้ เช่น ร้านอาหาร, ร้านเสริมความงาม, ร้านนวด, ห้างฯ-ศูนย์การค้า พร้อมอนุญาตให้สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคของจังหวัดจุดหมายปลายทางที่ต้องการเดินทางไปอย่างเคร่งครัด โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปู - สถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่สมุทรปราการ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู และกระทบการผลิตในระยะสั้น ในกลุ่มผู้ผลิตที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเบื้องต้น อาจกระทบต่อ DELTA, IHL ขณะที่ KCE มีโรงงานที่ปัจจุบันไม่ได้ทำการผลิต จึงน่าจะได้รับผลกระทบในระดับต่ำกว่า

อัตราครองเตียงผู้ป่วยเหลือง-เขียวในกทม.-ปริมณฑลมีแนวโน้มลดลง - สถานการณ์โควิด 19 ขณะนี้มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้อัตราครองเตียงในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเริ่มผ่อนคลาย โดยข้อมูลโรงพยาบาลบุษราคัม ล่าสุด ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2564 มีผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษาทั้งสิ้น 1,905 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มีผู้ติดเชื้อ 3,526 ราย ถึงร้อยละ 54

เริ่มกลับมาบิน 1 ก.ย. - สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT)อนุญาตให้กลับมาทำการบินได้ตั้งแต่ 1 ก.ย. อย่างไรก็ตามต้องดำเนินการตามมาตรการควบคุมที่สำคัญ ได้แก่ 1) ยังห้ามการคุมเข้มการเดินทางจากจังหวัดสีแดงเข้ม ยกเว้นเป็นเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) 2) มีเอกสารการได้รับวัคซีน หรือมีผลตรวจ 3) จำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% โดย AirAsia จะเริ่มกลับมาบิน 3 ก.ย. ใน 11 เส้นทาง / BA กลัมาบินตั้งแต่ 1 ก.ย. ใน 5 เส้นทาง /

ค่าระวางเรือ - ดัชนี Baltic Dry Index (BDI) ปิดที่ 4,235 จุด +0.95% ค่าระวางเรือขนาดใหญ่มาก (Capesize) +1.97% / ค่าระวางเรือขนาดใหญ่ (Panamax) -0.98% / ค่าระวางเรือขนาดกลาง (Supramax) +0.95% ภาพรวมยังเป็นบวกกับทั้ง PSL และ TTA

ประเด็นติดตาม: -  30 ส.ค.: Thailand Industrial Production เดือน ก.ค./ 31 ส.ค.: Chinese Manufacturing PMI เดือน ส.ค., Thailand Monthly Economic Reports / 15 ก.ย. – ประกาศผู้ผ่านเทคนิคไฟฟ้าชุมชนเพิ่มเติม

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)