'ดาวโจนส์'พุ่ง 242 จุดหลังปธ.เฟดพูดชัดปรับวงเงินคิวอีก่อนสิ้นปีนี้

'ดาวโจนส์'พุ่ง 242 จุดหลังปธ.เฟดพูดชัดปรับวงเงินคิวอีก่อนสิ้นปีนี้

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (27ส.ค.)พุ่งขึ้น 242 จุดหลังประธานเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ก่อนสิ้นปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 242.68 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 35,455.80 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 39.37 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 4,509.37 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 183.69 จุด หรือ 1.23% ปิดที่ 15,129.50 จุด

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัวจากการที่บริษัทน้ำมันหลายแห่งพากันยุติการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ก่อนที่พายุเฮอริเคนจะพัดถล่มในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 200 จุดเมื่อคืนนี้ช่วงเปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่สนามบินคาบูลของอัฟกานิสถาน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงทหารสหรัฐ 13 นาย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาสนับสนุนให้เฟดเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในวันนี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีก่อนสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ดี นายพาวเวลระบุว่า การที่เฟดปรับลดคิวอีไม่ได้หมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า

“เฟดมองว่ามีความเหมาะสมที่จะเริ่มการปรับลดคิวอีในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจมีความคืบหน้ามากขึ้นจากการรายงานตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งในเดือนก.ค. และเฟดจะทำการประเมินข้อมูลที่ได้รับอย่างระมัดระวัง รวมทั้งความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา” นายพาวเวลกล่าวในการประชุมประจำปีของเฟดผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้มาถึงจุดที่ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนโยบายเฟดอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดวงเงินคิวอีก่อนสิ้นปีนี้ ตราบใดที่เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว

“กำหนดเวลาและอัตราการปรับลดคิวอีไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณโดยตรงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเราจะมีบททดสอบที่เข้มงวดมากขึ้น และแตกต่างออกไป” นายพาวเวลกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลเคยส่งสัญญาณว่า หากเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะเกิดขึ้นหลังสิ้นสุดการปรับลดคิวอี เป็นระยะเวลาพอสมควร

นายพาวเวลกล่าวว่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% แต่เฟดยังต้องดำเนินการอีกมากเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มศักยภาพ ซึ่งเป็นเงื่อนไข 2 ประการก่อนที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ นายพาวเวลยังระบุว่า การพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้เกิดจากปัจจัยเพียงชั่วคราว และปัจจัยดังกล่าวกำลังเริ่มที่จะเบาบางลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเข้าสู่เป้าหมายของเฟดในที่สุด

ขณะเดียวกัน นายพาวเวลตั้งข้อสังเกตว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาถือเป็นความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อการจ้างงานเต็มศักยภาพ แต่เขายืนยันว่าขณะนี้มีแนวโน้มที่ดีในความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าว