"ฐากร" อดีตเลขากสทช. แจงด่วน!! ปม "ดาวเทียม"

"ฐากร" อดีตเลขากสทช. แจงด่วน!! ปม "ดาวเทียม"

หลังถูกร้องเรียนเรื่องการออกใบอนุญาตดาวเทียมไทยคม ครั้งที่ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการกสทช."ฐากร" แจงในทวิตเตอร์ส่วนตัว ยืนยัน 'ปัญหา' ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น ไม่ได้อยู่ในอำนาจของสำนักงาน กสทช. หรือเลขาธิการ กสทช. ที่จะดำเนินการ

หลังจากที่วุฒิสภากำลังอยู่ระหว่างสรรหา "บอร์ดกสทช." ชุดใหม่นั้น ซึ่งมีชื่อของ "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้ามาเป็นแคนดิเดตนั้น ล่าสุดมีการยืนเรื่องของให้ตรวจสอบการทำหน้าของนายฐากรเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นมีคนร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการออกใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมสื่อสารของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ว่า อาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย 

โดย ล่าสุด นายฐากรได้ชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า

"ตามที่มีข่าวว่ามีคนร้องเรียนผม เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกสทช. กับสำนักงาานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เกี่ยวกับเรื่องดาวเทียมไทยคม นั้น

ผมขอเรียนว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจของสำนักงาน กสทช. หรือเลขาธิการ กสทช. ที่จะดำเนินการแต่อย่างใด 

แต่อย่างไรก็ตาม ผมได้ตรวจสอบในรายละเอียดเบื้องต้น เพื่อจะนำมาชี้แจงให้กับประชาชนเข้าใจ ดังนี้

1.การที่ดาวเทียมจะทำงานได้ จะต้องมีอนุญาต 2 ส่วนเพื่อใช้งาน

(1.) สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม
(2.)ใบอนุญาตประกอบกิจการ เพื่อตั้งสถานีภาคพื้นดิน

โดยอำนาจในการจัดสรรสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ตามข้อ 1 ในขณะนั้นตามกฎหมายเป็นของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลจัดสรรแล้วจะส่งเรื่องให้ กสทช. พิจารณาออกใบอนุญาตตามข้อ 2 ซึ่งในขณะนั้นเป็นอำนาจของ กทค. (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม) ตามกฎหมายที่จะพิจารณาให้ใบอนุญาตประกอบกิจการ แล้วจึงส่งเรื่องให้ กสทช. เพื่อรับทราบมติ

2.ซึ่งในเรื่องนี้ กทค. ได้มีการพิจาณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมให้ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 ตามที่รัฐบาลโดยมติคณะรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องให้ กสทช. พิจารณาดำเนินการ

3.ในปี 2560 สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.กสทช. ใหม่ ได้กำหนดให้อำนาจในการจัดสรรสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่เคยเป็นของรัฐบาล มาเป็นอำนาจของ กสทช. ซึ่งก็ไม่ได้ขัดกับรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เพราะ กสทช. ก็เป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐ"


ดังนั้น หลังจากปี 2560 กสทช. จึงมีหน้าในการจัดสรรสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม และออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม และตามข้อมูล ดาวเทียมไทยคม 5 กำลังจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานลงในเดือน ก.ย. 2564

เมื่อกฎหมายให้ กสทช. มีอำนาจในการจัดสรรสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมซึ่งเป็นสมบัติของชาติ กสทช. จึงได้ออกหลักเกณฑ์เพื่อจะได้มีการจัดสรรสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในระบบใบอนุญาตโดยจะใช้วิธีการประมูล ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่มีความโปร่งใส ก่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม สามารถตรวจได้ และเป็นวิธีที่นิยมใช้กันทั่วโลก

ทั้งนี้ กสทช. ได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ จนเปิดให้ยื่นเข้าประมูล แต่มีผู้ยื่นเข้าประมูลเพียงรายเดียว จึงได้ยกเลิกการประมูลไป เพื่อความโปร่งใส และเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม อนึ่ง สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรสิทธิในเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม และใบอนุญาตประกอบกิจการ ก็น่าจะมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจในเรื่องดังกล่าวต่อไป"