‘นิวนอร์มอล’ ดัน ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ สะพัด ‘3.2 หมื่นล้าน’

‘นิวนอร์มอล’ ดัน ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ สะพัด ‘3.2 หมื่นล้าน’

ศูนย์วิจัยอีไอซี (EIC หรือ Economic Intelligence Center) ของธนาคารไทยพาณิชย์ เผยบทวิเคราะห์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 นับเป็นตัวเร่งสำคัญที่ส่งผลให้ภาคธุรกิจนำเอาเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในธุรกิจที่ได้ประโยชน์ คือ “ดาต้า เซ็นเตอร์”

‘คลาวด์’ หนุนลดต้นทุนไอที 

อีไอซี คาดว่า เทรนด์ดังกล่าว จะยังดำเนินต่อเนื่องไปในอนาคต เนื่องจากเทคโนโลยีคลาวด์สามารถช่วยลดต้นทุนในด้านไอทีให้กับองค์กร และยังช่วยอำนวยความสะดวกให้พนักงานในองค์กร สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านซอฟต์แวร์ต่างๆ

จากการรวบรวมข้อมูลงานศึกษาแนวโน้มธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ ของสถาบันวิจัยชั้นนำ ในต่างประเทศ อีไอซี ประเมินว่ามูลค่าตลาด co-location จะเติบโตได้ในอัตราที่ช้ากว่าตลาดดาต้า เซ็นเตอร์โดยรวม คาดว่า จะโตได้ราว 8% มาอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ช่วงปี 2563-2565 เนื่องจากมีแรงกดดัน ของลูกค้าบางส่วนที่อาจเปลี่ยนไปใช้บริการพับบลิคคลาวด์แทน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับตัวขององค์กรเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน ขณะที่ตลาดพับบลิค คลาวด์ มีแนวโน้มเติบโตสูงถึง 25% มาอยู่ที่ 3.4 แสนล้านดอลลาร์ปี 2565

นอกจากนี้ หากพิจารณาสัดส่วนมูลค่าตลาด ดาต้า เซ็นเตอร์ ในปี 2562 พบว่ามูลค่าตลาดของ พับลิค คลาวด์ อยู่ที่ 72% ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำกว่าสัดส่วนของตลาดโลกซึ่งมีสัดส่วนของพับลิค คลาวด์ ที่ราว 80% แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการขยายตัวของตลาด

พับลิค คลาวด์ ของไทยที่ยังมีอยู่มากในอนาคต สอดคล้องกับทิศทางตลาดที่คาดว่าอัตราการเติบโต ของพับลิค คลาวด์ จะสูงกว่า co-location ทั้งนี้สัดส่วนของรูปแบบการให้บริการของ พับลิค คลาวด์ พบว่ากว่า 93%

การเติบโตของทั้ง co-location และ พับบลิค คลาวด์มาจากปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้ข้อมูลทั้งจากผู้บริโภค ภาคธุรกิจ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ในส่วนภาคผู้บริโภค คาดว่าการใช้งานข้อมูลจะเติบโตต่อเนื่องตามการขยายตัวของธุรกิจคลาวด์ เกมมิ่ง,โอทีที(OTT) โซเชียลมีเดีย รวมถึงอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น การเติบโตนี้เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น สะท้อนจากปริมาณใช้งานข้อมูลบนโทรศัพท์เคลื่อนที่เฉลี่ยของไทยที่เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 38%