ชาวอเมริกันแห่ฉีดวัคซีนเพิ่มหลัง‘เอฟดีเอ’อนุมัติไฟเซอร์เต็มรูปแบบ

ชาวอเมริกันแห่ฉีดวัคซีนเพิ่มหลัง‘เอฟดีเอ’อนุมัติไฟเซอร์เต็มรูปแบบ

เอฟดีเออนุมัติใช้วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคเต็มตัว เปิดช่องบังคับฉีดวัคซีนในช่วงที่สายพันธุ์เดลตากำลังเล่นงานสหรัฐ

ตามที่สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) เห็นชอบให้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทคในกรณีฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2563 มีการฉีดวัคซีนตัวนี้ให้ประชาชนในสหรัฐไปแล้วกว่า 200 ล้านโดส ล่าสุดหลังได้ข้อมูลฉบับปรับปรุงถึงผลการทดลองทางคลินิกกับประชาชนกว่า 40,000 คน พบว่า วัคซีนมีประสิทธิผลในการป้องกันโควิดได้ 91% เอฟดีเอจึงมีมติเมื่อวันจันทร์ (23 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น อนุมััติให้ใช้เป็นการทั่วไปกับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป

เอฟดีเอติดตามข้อมูลจากผู้รับวัคซีน 12,000 คน หลังจากฉีดแล้ว 6 เดือน พบว่าส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ปวดและบวมบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ หนาวสั่น มีไข้ ซึ่งเอฟดีเอยังคงติดตามข้อมูลผลข้างเคียงที่พบได้ยากแต่น่ากังวลเกี่ยวกับอาการหัวใจอักเสบ ที่มักเกิดขึ้นภายใน 7 วันหลังฉีดเข็มที่ 2

ซึ่งความเสี่ยงสูงสุดพบในกลุ่มเด็กขายอายุ 12-17 ปี ข้อมูลที่มีชี้ว่า ส่วนใหญ่ฟื้นตัวได้แต่มีบางคนต้องดูแลอย่างเข้มข้น

วัคซีนไฟเซอร์หรือแบรนด์ “คอมิร์นาตี” (Comirnaty) ถือเป็นวัคซีนตัวแรกที่เอฟดีเออนุมัติให้ใช้เต็มรูปแบบ

ปัจจุบันชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้วมีราว 52% แต่หน่วยงานสาธารณสุขยังไม่สามารถเปลี่ยนใจคนที่ลังเลได้ เป็นอุปสรรคต่อการฉีดวัคซีนระดับชาติ เมื่อเอฟดีเออนุมัติประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงผ่านโทรทัศน์ว่า การอนุมัติของเอฟดีเอเป็นหลักฐานอันยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ยังลังเลไม่ยอมฉีดวัคซีน

“วันนี้ผมกำลังขอให้บริษัทภาคเอกชนหันมายกระดับข้อบังคับเรื่องวัคซีนที่จะครอบคลุมผู้คนอีกหลายล้านคน”

กองทัพสหรัฐรับลูกทันที แถลงว่า จะกำหนดให้บุคลากรในกองทัพฉีดวัคซีน คาดว่าหลังจากนี้ภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยจะทำแบบเดียวกัน

นิวยอร์กซิตี้จะกำหนดให้บุคลากรด้านการศึกษาในทุกกรมกองต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ภายในวันที่ 27 ก.ย. ไม่เปิดทางเลือกให้คนที่ไม่ฉีดใช้วิธีตรวจหาเชื้อเป็นประจำแทน

อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กอายุระหว่าง 12-15 ปี วัคซีนไฟเซอร์ต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ในเมื่อตอนนี้ได้รับอนุมัติให้ใช้ทั่วไปแล้วแพทย์บางคนอาจสั่งให้ใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีได้ถ้าเชื่อว่าเป็นผลดี

นางเจเน็ต วูดค็อก รักษาการผู้อำนวยการเอฟดีเอ แนะนำว่า อย่าใช้นอกเหนือจากที่กำหนดไว้กับเด็กอายุน้อยให้รอจนกว่าได้ข้อมูลทางคลินิกซึ่งคาดว่าจะได้หลังจากนี้

ขณะเดียวกันเหล่าผู้เชี่ยวชาญยกย่องการตัดสินใจของเอฟดีเอ ที่หลายคนเรียกร้องมานานหลายเดือนแล้ว

นายอเมส อดัลจา จากศูนย์ความมั่นคงด้านสุขภาพ มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์เรียกว่า เป็นข่าวดีสำหรับคนที่ยังลังเล

“ข้ออ้างผิดๆ ว่าเป็นวัคซีนทดลองที่ขบวนการต่อต้านวัคซีนชอบอ้างไม่มีอีกต่อไปแล้ว”

นายเอริก โทโพล ผู้อำนวยการ Scripps Research Translational Institute คาดว่า เมื่อมีข้อกำหนดให้ประชาชนต้องฉีดวัคซีนจะมีชาวอเมริกันฉีดเพิ่มอีกหลายสิบล้านคน

ผลสำรวจล่าสุดโดยมูลนิธิไกเซอร์แฟมิลี พบว่า ผู้ใหญ่ 30% จะไปฉีดวัคซีนถ้าได้รับอนุมัติใช้เต็มรูปแบบ

การอนุมัติของเอฟดีเอเกิดขึ้นในช่วงที่โควิดสายพันธุ์เดลตาเล่นงานสหรัฐ แต่ละวันชาวอเมริกันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะโควิดราว 80,000 คน เสียชีวิตกว่า 700 คน เขตที่ระบาดหนักสุด เช่น รัฐทางภาคใต้อย่างฟลอริดา แอละแบมา มิสซิสซิปปี และลุยเซียนา แม้ว่าช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราการฉีดวัคซีนในรัฐเหล่านี้เพิ่มขึ้น แต่อัตราทั้งประเทศยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในฤดูใบไม้ผลิ

สัปดาห์ก่อนรัฐบาลไบเดนประกาศว่า มีแผนฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้กับประชาชนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ และแนะนำให้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วทุกคนไปฉีดเข็มที่ 3 หลังจากฉีดเข็มที่ 2 แล้ว 8 เดือน