‘พี่ใหญ่’ ไม่ยอมโดดเดี่ยว ภท.ขวางสุดลิ่ม‘บัตร 2 ใบ’

‘พี่ใหญ่’ ไม่ยอมโดดเดี่ยว  ภท.ขวางสุดลิ่ม‘บัตร 2 ใบ’

คะแนนนิยมที่ยามนี้กำลังสู่จุดติดลบ  บวกส่วนต่างระหว่าง "บัตรใบเดียว" และ "บัตรสองใบ" ที่อาจทำให้จำนวนส.ส.ต้องหายไป จุดนี้เองที่อาจเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้ "บิ๊กภท." ต้องมีการปรับแนวรบหลังจากนี้

“พรรคภูมิใจไทยยึดหลักการ และจุดยืนเหมือนเดิมตั้งแต่ต้น โดยยืนยันเจตนารมณ์การแก้ไขที่เราสนับสนุนให้แก้ไขได้ เราเสนอให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)” 

ส่วนหนึ่งคำแถลงโดย “ภราดร ปริศนานันทกุล” ส.ส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ย้ำชัดถึงจุดยืน การโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ฉบับที่.…พ.ศ.… (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง ส.ส.) ที่จะ “งดออกเสียง” และ “งดใช้เสียง”ผ่านการอภิปรายทั้งวาระ 2 ในสัปดาห์นี้ รวมถึงการโหวตวาระ 3 ในวันที่ 10 ก.ย.

อย่างที่รู้กัน ไฮไลท์สำคัญของร่างแก้ไขฉับบนี้คือ สูตรการได้มาซึ่ง ส.ส.ผ่าน “ระบบบัตร2ใบ” มีส.ส.เขต 400 และบัญชีรายชื่ออีก 100 คน

 อันที่จริง การแถลงจุดยืนพรรครอบนี้ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร เพราะอย่างที่รู้กันว่า “ภูมิใจไทย” เองก็เป็นหนึ่งในพรรคที่ไม่เอาระบบนี้มาตั้งแต่ต้น 

เห็นได้ชัดจากการลงมติในวาระแรกที่ ส.ส.พรรคพาเหรดลงมติ “งดออกเสียง”ยกพรรค สวนทางพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ในฐานะเจ้าของร่าง 

เพราะภูมิใจไทยรู้ดีถึง “สมการการเมือง” ที่จะต้องเปลี่ยนไป หากมีการกลับไปใช้บัตรใบเดียว

ย้อนกลับไปภายหลังการเลือกตั้งปี 2550 ซึ่งใช้บัตร 2 ใบ ภูมิใจไทยซึ่งเปิดตัวในปี 2552  มีส.ส.ที่ย้ายมาจาก2พรรคที่ถูกยุบคือพรรคพลังประชาชน 20คน และพรรคมัชฌิมาธิปไตย 11คน รวมเป็น 31 คน  จากนั้นได้รับเลือกตั้งซ่อม 1 คน

เช่นเดียวกัน การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ที่ใช้ “บัตร 2 ใบ” ภูมิใจไทยที่เวลานั้นเป็นฝ่ายค้านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กวาด ส.ส.เข้าสภาฯ 34 คน

ทว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งเปลี่ยนมาใช้ระบบ “บัตรใบเดียว” ตามรัฐธรรมนูญ2562  ภูมิใจไทยสามารถกวาด ส.ส.เข้าสภาฯ 51 คน ยังไม่นับรวมกับส.ส.ที่ย้ายมาจากอนาคตใหม่ภายหลังการยุบพรรคอีก 10 คน เท่ากับว่ามี ส.ส.ในมือถึง 61 คน 

ตัวเลขดังกล่าวเห็นชัดถึงส่วนต่าง “ส.ส.ภูมิใจไทย” ที่เพิ่มขึ้นระหว่าง “บัตร 2 ใบ” และ “ใบเดียว” ที่มีตัวเลขต่างกันถึง 17 คน อยู่ในระดับที่เรียกว่าสร้างแรงต่อรองได้อยู่พอสมควร

ฉะนั้นแม้ยามนี้ “ภูมิใจไทย” จะมี “4 ส.ส.งูเห่าสีส้ม” มาเติมเพื่อสร้างแต้มต่อ และแรงต่อรองทางการเมือง โดยเฉพาะการโหวตในสภาฯได้ 

ทว่าหากที่สุดมีการกลับไปใช้ “บัตร 2 ใบ”  เมื่อนั้นภูมิใจไทยก็อาจไม่ได้ถือแต้มต่ออีกต่อไป ยิ่งในสภาวะที่พรรคกำลังเผชิญสถานการณ์คะแนนนิยม "ติดลบ" จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งพรรคกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขด้วยแล้ว  

โอกาสจะกวาดส.ส.เป็นกอบเป็นกำ เหมือนการเลือกตั้งปี 62 หรือเสียงส.ส.งูเห่าย้ายสังกัดจะเทมาที่พรรคอีหหนึ่งสมัยก็น้อยเต็มที

ขณะเดียวกันภูมิใจไทยเองย่อมรู้ดีถึง “สัญญาณโดดเดี่ยว” จาก 2 พรรคใหญ่ทั้ง “พลังประชารัฐ” และ “เพื่อไทย”ที่หวังเป็นรัฐบาลพรรคเดียว บวกกับสัญญาณ“บิ๊กดีล” เปลี่ยนขั้ว-เปลี่ยนสมการการเมือง 

จึงไม่แปลก ที่ยามนี้จะมีสัญญาณมาจากแกนนำพรรค ยืนยันหัวชนฝา ไม่เอาบัตร 2 ใบ และ “งดออกเสียง” ร่างรัฐธรรมนูญทั้งในวาระ 2 และ 3

ไม่ต่างไปจากการประชุม ส.ส.พรรคเตรียมพร้อมรับศึกซักฟอก ซึ่งเดิมทีวางคิวไว้วันอาทิตย์ที่ 22 ส.ค.ที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ว่ากันว่า “พี่ใหญ่”เนวิน ชิดชอบ จะลงทุนติวเข้มด้วยตัวเอง

ฉะนั้นจากปัญหาคะแนนนิยมที่เวลานี้กำลังสู่จุดติดลบ  บวกส่วนต่างระหว่าง "บัตรใบเดียว" และ "บัตรสองใบ" ที่อาจทำให้จำนวนส.ส.ต้องหายไป จุดนี้เองที่อาจเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้ "บิ๊กภท." ต้องมีการปรับแนวรบหลังจากนี้