เปิดเส้นทาง 'สาธิต รังคสิริ' จากข้าราชการดาวรุ่ง สู่ผู้ต้องโทษอาญา

เปิดเส้นทาง 'สาธิต รังคสิริ' จากข้าราชการดาวรุ่ง สู่ผู้ต้องโทษอาญา

ย้อนรอย ”สาธิต รังคสิริ” อดีตดาวรุ่งแคนดิเดตปลัดกระทรวงการคลัง สู่ผู้ต้องคำพิพากษาโทษจำคุกตลอดชีวิต และชดใช้ความเสียหายกว่า 3 พันล้านบาท จากคดีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อปี 2555-2556

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2564 พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต สาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และให้ชดใช้ความเสียหายเป็นเงิน 3 พันล้านบาท ร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพากรที่กระทำความผิดในคดีคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยแสดงข้อความเท็จหลอกลวงกรมสรรพากรและเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 เพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรและรัฐโดยทุจริต ซึ่งศาลฯอนุญาตให้ประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นต่อไป

สาธิต เมื่อครั้งยังรับราชการนั้น ถือเป็นหนึ่งในข้าราชการคนรุ่นใหม่ ที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ขึ้นแท่นแคนดิเดตปลัดกระทรวงการคลังในขณะนั้น เป็นข้าราชการที่ครบทั้งความรู้และความสามารถ ดีกรีความรู้ด้านกฎหมายภาษีหาตัวจับยาก และยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับการวางแผนทางการเงิน การวางแผนภาษี ออกมาเผยแพร่ด้วย

เมื่อครั้งเป็นอธิบดีกรมสรรพากร เขาเป็นผู้ริเริ่มโครงการนำนักเรียนนักศึกษามาจัดอบรมโครงการ RD Campus เพื่อให้ทราบถึงสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับภาษีอากรที่ถูกต้องก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน

ปูมหลัง สาธิต รังคสิริ เป็นคนจังหวัดแพร่ มีพี่ชายเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ

สาธิต จบมัธยมตอนปลายที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล สอบเข้าคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นก็เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจนได้รับปริญญาเศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแอตแลนต้า

เมื่อกลับมาเมืองไทย สาธิต เข้ารับราชการครั้งแรกที่กองนโยบายและแผนภาษี กรมสรรพากร โดยมี ร.อ. สุชาติ เชาว์วิศิษฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ล่วงลับ เป็นผู้อำนวยการกองฯ และนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าส่วน​ ข้าราชการกระทรวงการคลังหลายคนบอกว่า สาธิต มีความผูกพันกับ ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตปลัดกระทรวงการคลังมาก

สาธิต ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะทำงานศึกษาหาแนวทางในการนำระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาใช้แทนภาษีการค้า จึงมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นอย่างดี

ในระหว่างรับราชการ สาธิต ยังมีรายได้พิเศษจากการรับงานบรรยายเทคนิคการวางแผนภาษีให้กับบริษัท ห้างร้านต่างๆ รวมทั้งเขียนตำรา 108 กลวิธีในการหลบเลี่ยงภาษี และในปี 2536 ร่วมก่อตั้งบริษัท บางกอก เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด ทำธุรกิจรับเป็นที่ปรึกษากฎหมายและวางแผนภาษีอากร

เส้นทางชีวิตราชการ สาธิต ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากฝ่ายการเมือง ทำให้อาชีพรับราชการเจริญก้าวหน้ารวดเร็ว วันที่ 2 ก.ค. 2552 เป็นรองปลัดกระทรวงการคลังแค่ 3 เดือน วันที่ 1 ต.ค. 2552 ก็ถูกโปรโมทขึ้นเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หลังจากนั้นแค่ปีเดียวก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น อธิบดีกรมสรรพากร เมื่อ 1 ต.ค.2553 ในสมัยนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

แต่เส้นทางราชการของ สาธิต เริ่มถึงคราวขาลง เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและได้เป็นรัฐบาล ตามมาด้วยในต้นปี 2556 มีจดหมายร้องเรียน กระจายไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบหลายแห่ง ทั้งป.ป.ช.-สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวหา สาธิต ว่ามีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางที่เอื้อประโยชน์กลุ่มผู้ส่งออกเศษเหล็กที่ขอคืน VAT มากผิดปกติ

ต่อมากลางปี 2556 กระทรวงการคลัง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ได้ข้อสรุปผลการสอบสวนไม่มีชื่อ สาธิต เกี่ยวข้องกับขบวนการโกง VAT แต่ ครม.มีมติวันที่ 27 ส.ค.2556 ให้ย้าย สาธิต มาเป็นผู้ตรวจราชการ กระทรวงการคลัง

ต้องบอกว่าในช่วงมรสุม สาธิต สามารถประคองตัวผ่านพ้นมาได้ แต่ก็ไม่ตลอดรอดฝั่ง เพราะเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2558 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 สั่งพักราชการ สาธิต รังคสิริ ตามมาด้วยมติ อ.พ.ก.กระทรวงการคลังไล่ออกจากราชการ ในปีเดียวกัน

นับว่าเป็นการปิดฉากชีวิตข้าราชการ และนำมาสู่ผู้ต้องคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในที่สุด