เปิดแนวทางสุ่มตรวจโควิด19ในที่ทำงาน

เปิดแนวทางสุ่มตรวจโควิด19ในที่ทำงาน

สธ.แผยแนวทางเบื้องต้นสถานประกอบการแต่ละระดับสุ่มตรวจโควิด19พนักงาน  เร่งออกแนวปฏิบัติบับเบิลแอนด์ซีล  เปิดทางสายพานผลิตเดินหน้าได้ไม่ต้องปิด  ป้องกันคนว่างงานกลับต่างจังหวัด นำเชื้อแพร่ต่อ

เมื่อเวลา13.30 น. วันที่ 18 ส.ค. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงสถานการณ์โควิด19 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบสุ่มในโรงงานหรือสถานประกอบ ด้วยชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท(ATK) ว่า หลักการควบคุมโรคของเราจะมีมาตรการบับเบิล แอนด์ ซีล(Bubble and seal) เพื่อกำหนดขอบเขตคนที่สามารถทำงานร่วมกันได้

หรือต้องแยกส่วนไม่ให้สัมผัสกัน รวมถึงการเดินทางจากที่พักไปทำงานจะต้องไม่แวะจุดอื่น ลดการสัมผัสให้มากที่สุด โดยที่ผ่านมาเวลาพบการติดเชื้อในโรงงาน สถานประกอบการ ก็จะสอบสวนโรคเพื่อหาคนที่มีความเสี่ยง ด้วยการสุ่มตรวจ หากพบติดเชื้อ 10% ต้องใช้มาตรการบับเบิล แอนด์ ซีลเข้มข้น ต้องแยกผู้ป่วยที่มีอาการออก จัดพื้นที่คล้ายโรงพยาบาลสนามในโรงงาน เพื่อลดการสัมผัส เฝ้าระวังต่อเนื่อง 14 วัน

      

หลักการสุ่มตรวจหาเชื้อในโรงงาน สถานประกอบการ หากมีแรงงานน้อยกว่า 100 คน จะสุ่มตรวจ 50 คน เช่น 75 คน ก็จะตรวจ 50 คน หากมี 100-150 คนจะสุ่มตรวจ 75 คน แต่หากมากกว่า 1 พันคนจะสุ่ม 150 คนในทุกๆ 1,000 คน  ทั้งนี้ การสุ่มตรวจจะเป็นการลดค่าใช้จ่าย ส่วนคนในโรงงานที่ไม่ได้ตรวจเชื้อ ก็ให้ใช้มาตรการเฝ้าระวัง 14 วัน ที่ไม่ได้ตรวจทุกคนเพราะแม้ว่าจะตรวจวันนี้แล้วไม่พบเชื้อ พรุ่งนี้ก็จะอาจจะติดเชื้อก็ได้ ทั้งนี้ หากทุกคนใช้มาตรการป้องกันตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ หากมีเชื้อแฝงอยู่ก็ไม่แพร่ต่อให้คนอื่น

     

“การสุ่มตรวจหาเชื้อคนในโรงงานและการทำบับเบิลแอนด์ซีล โรงงาน สถานประกอบการสามารถปรึกษากับสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้ เนื่องจากโรงงานขนาดเล็กอาจไม่มีความพร้อมด้านสถานที่ ซึ่งส่วนนี้ต้องมีปรึกษากับสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้โรงงานยังสามารถทำงานต่อไปได้ด้วยความปลอดภัย กิจกรรมต่างๆ มีมาตรการที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการต้องปิดกิจการ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้แรงงานเดินทางกลับบ้าน นำเชื้อไปแพร่ให้คนอื่น มาตรการเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยได้อย่างดี ขณะนี้ กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กำลังปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อสรุปแนวทางมาตรการเพื่อความชัดเจนและสื่อสารกับประชาชนอีกครั้ง”นพ.เฉวตสรรกล่าว