“พิพัฒน์” เร่งแก้ไขจุดบอดความปลอดภัย ประสานภูเก็ต-หน่วยงานความมั่นคงดูแลทัวริสต์

“พิพัฒน์” เร่งแก้ไขจุดบอดความปลอดภัย  ประสานภูเก็ต-หน่วยงานความมั่นคงดูแลทัวริสต์

“พิพัฒน์” เร่งแก้ไขจุดบอดความปลอดภัย ประสานงานจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานความมั่นคงดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ หลังเกิดเหตุสลดใจนักท่องเที่ยวชาวสวิสเสียชีวิต รับส่งผลต่อภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย ทั้งที่ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” กำลังไปได้ดี

วานนี้ (6 ส.ค.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวสวิสอย่างมาก ล่าสุดได้ทำจดหมายแสดงความเสียใจไปถึงสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ยอมรับว่ากรณีนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ไม่ควรเกิดขึ้นในปัจจุบันที่ประเทศไทยเปิดโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เปิดเมืองภูเก็ตนำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวแบบไม่กักตัวในช่วงที่โรคโควิด-19 ยังมีการระบาดทั่วโลก ซึ่งกำลังถูกจับตาจากหลายๆ ประเทศในโลกนี้ว่าจะเดินไปได้ขนาดไหน หากสำเร็จ หลายประเทศก็จะเดินตามทำแซนด์บ็อกซ์แบบประเทศไทย หากไม่สำเร็จก็จะนำจุดอ่อนไปแก้ไข

“เรื่องนี้ถือว่าเราผิดพลาดและไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น”

ในฐานะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งมีกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติที่จ่ายเยียวยาให้ได้ภายใต้หลักเกณฑ์สูงสุด 1 ล้านบาท พร้อมดูแลการส่งร่างของผู้เสียชีวิตกลับประเทศ และดูแลญาติผู้เสียชีวิตที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย

ทั้งนี้ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยทางนายกฯกำชับให้ดูแลเรื่องนี้ และสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาติดตามเรื่องที่ภูเก็ตด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะประสานเพื่อขอความร่วมมือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร ให้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนอีก

พร้อมขยายผลไปยังพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวอื่นๆ ทั้งโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” ซึ่งเปิดโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงโครงการ “กระบี่ อีเวน มอร์ อะเมซิ่ง” เปิดพื้นที่นำร่อง 3 เกาะใน จ.กระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล และโครงการ “พังงา พร้อมต์” นำร่องด้วยเขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ จ.พังงา ที่สองโครงการหลังเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยววันที่ 15 ส.ค.นี้ ใช้สูตร 7+7 คือเปิดให้เที่ยวเชื่อมโยงจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่พื้นที่นำร่องในสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา คาดเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมโยงจริงตั้งแต่ 22 ก.ค.นี้เป็นต้นไป

“ผมจะโทรศัพท์ประสานไปยังผู้ว่าราชการทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา ให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศไทย รวมทั้งจะหารือกับนายกฯเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้น เพราะหากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไม่สะดุดกลางคัน คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4 ปีนี้และไตรมาส 1 ปี 2565 เพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ท่องเที่ยวแก่จังหวัดภูเก็ตมากกว่าเดือน ก.ค.ที่นักท่องเที่ยวนำเงินมาใช้จ่าย 829 ล้านบาท สร้างเงินหมุนเวียนราว 2,000 ล้านบาท” รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าว