'กรมราชทัณฑ์' เผยผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด 262 ราย เสียชีวิต 1 ราย ชูรักษาด้วย 'ฟ้าทะลายโจร'

'กรมราชทัณฑ์' เผยผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด 262 ราย เสียชีวิต 1 ราย ชูรักษาด้วย 'ฟ้าทะลายโจร'

กระทรวงยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 "กรมราชทัณฑ์" ผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด 262 ราย เสียชีวิต 1 ราย ชูแนวทางรักษาด้วยยาฟ้าทะลายโจร เพราะลดความรุนแรงโรคได้ดี พร้อมกำชับทุกฝ่ายดำเนินการตามแผนป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.64 ศาตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 54/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พันตำรวจโท มนตรี บุญยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษก ศบค.ยธ. เผย ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ในวันนี้ พบเรือนจำแพร่ระบาดเพิ่ม 3 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด ทัณฑสถานบำบัดพิเศษปทุมธานี เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดงที่แพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 32 แห่ง เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดลดลงที่ 103 แห่ง และสิ้นสุดการระบาดแล้ว จำนวน 7 แห่งคงเดิม

ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 262 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 213 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 49 ราย) รักษาหายเพิ่ม 399 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,057 ราย (กลุ่มสีเขียว 81.5% สีเหลือง 18.1% และสีแดง 0.4%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร  567 ราย ปริมณฑล 1,941 ราย และต่างจังหวัด 4,549 ราย มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 41,060 ราย หรือ 84.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 48,744 ราย เสียชีวิตสะสมรวม 66 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิตในวันนี้ เข้ารักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้รับการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้นจนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. วันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมเพื่อมอบนโยบายแก่ผู้บริหารสถานที่ควบคุม ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนยึดแนวทางเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด รวมถึงการป้องกันและรักษาผู้ต้องขังติดเชื้ออย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรการต่างๆ ที่วางไว้ เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ และเร่งรักษาเพื่อลดความรุนแรงของโรค

โดยเฉพาะการเร่งพิจารณาใช้ยาฟ้าทะลายโจรแก่ผู้ต้องขัง ที่เห็นผลจากใช้งานในเรือนจำกลางเชียงใหม่ และเรือนจำเขต 10 แล้วว่าสามารถเสริมภูมิคุ้มกัน และรักษาผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยให้หายได้เร็ว และลดความรุนแรงของโรคได้ดี ภายใต้คำสั่งของแพทย์ และคำแนะนำ ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ทั้งเพื่อการรักษาและเสริมภูมิคุ้มกันตามจำนวนการใช้ที่เหมาะสม รวมถึงเร่งการปลูกฟ้าทะลายโจร และดำเนินการผลิตยาฟ้าทะลายโจร ตั้งแต่กระบวนการปลูก การเก็บเกี่ยว การบด และการผลิตแคปซูลที่ถูกต้องตามหลัก ซึ่งในระหว่างนี้ ได้สั่งการให้เร่งสำรวจฟ้าทะลายโจรตามอุทยานต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ และทำหนังสือขอเก็บเกี่ยวมาใช้ เพื่อให้ทันต่อความต้องการและเพียงพอต่อการใช้งานภายในเรือนจำและทัณฑสถาน รวมถึงกับคนทั้งประเทศต่อไป

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 6 ราย โดยเป็นเยาวชนจำนวน 3 ราย และเจ้าหน้าที่ 3 ราย ด้านผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาหายป่วยเพิ่ม 2 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 52 ราย ขณะที่ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 42 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 14 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 5 แห่ง หมดสถานะสีขาว 2 แห่ง และติดเชื้อ 7 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ 121 ราย หรือคิดเป็น 2.86% จากทั้งหมด 4,223 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,794 ราย หรือคิดเป็น 86.81% จากทั้งหมด 4,370 ราย