ผลวิจัยเผยฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ-mRNA ป้องกันติดโควิดได้เกือบ 90%

ผลวิจัยเผยฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ-mRNA ป้องกันติดโควิดได้เกือบ 90%

สถาบันเซรุ่มแห่งเดนมาร์กเปิดเผยผลวิจัยว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า เมื่อใช้ร่วมกับวัคซีนของไฟเซอร์/บิออนเทคหรือของโมเดอร์นาเป็นโดสที่ 2 นั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้ดี

ขณะนี้หลายประเทศกำลังพิจารณาเปลี่ยนไปใช้วัคซีนของบริษัทอื่นสำหรับการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 รวมถึงเดนมาร์กซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากหน่วยงานสาธารณสุขของเดนมาร์กยกเลิกการใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในการระดมฉีดให้ประชาชนตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังมีรายงานพบการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แม้จะเกิดขึ้นได้ยากก็ตาม

ประชาชนชาวเดนมาร์กกว่า 144,000 รายที่ส่วนใหญ่เป็นบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าและผู้สูงอายุ ได้รับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นโดสแรก ก่อนจะได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์หรือของโมเดอร์นาในเวลาต่อมา

"ผลวิจัยพบว่า เมื่อผ่านไป 14 วันหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนแบบผสม ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 ลดลง 88% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน" สถาบันฯเผย

สถาบันฯระบุว่า ประสิทธิภาพดังกล่าวนับว่าอยู่ในระดับสูงเกือบเทียบเท่าประสิทธิภาพ 90% จากการได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ 2 โดส ซึ่งข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยของเดนมาร์กอีกฉบับหนึ่ง

งานวิจัยครั้งนี้ใช้ข้อมูลจากเดือนก.พ.-มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟาแพร่ระบาดเป็นสายพันธุ์หลัก ผลวิจัยจึงไม่สามารถสรุปได้ว่า การฉีดวัคซีนแบบผสมนั้นมีประสิทธิภาพเหมือนกันหรือไม่ในการป้องกันสายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในเดนมาร์กขณะนี้