'คันทรี่ กรุ๊ป' เตือนโควิดกระจายต่างจังหวัด ฉุดเศรษฐกิจ-กำไรบจ.

'คันทรี่ กรุ๊ป' เตือนโควิดกระจายต่างจังหวัด ฉุดเศรษฐกิจ-กำไรบจ.

"บล.คันทรี่ กรุ๊ป" ชี้ความเสี่ยงโควิดกระจายต่างจังหวัดอาจกดดันตลาดหุ้น-กำไรบจ. เหตุภาครัฐต้องใช้มาตรการคุมเข้ม แนะลงทุนหุ้นอิงเศรษฐกิจต่างประเทศเป็นหลัก

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เรื่องของโควิด-19 ภายในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดการลงทุนในสัปดาห์นี้ สถานการณ์ล่าสุดในวันอาทิตย์ผู้ติดเชื้อต่อวันยังคงเห็นการพุ่งขึ้นและทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หากอิงข้อมูลการติดเชื้อต่อวันจาก World Meter พบว่าการติดเชื้อของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 ของจำนวนประเทศที่ World Meters เก็บรวบรวมทั้งหมด 222 ประเทศ

ขณะที่ปัจจุบันจำนวนการติดเชื้อของประเทศไทยเริ่มเห็นการกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น หากมาดูข้อมูลล่าสุดจาก ศบค. พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 100% มาจากต่างจังหวัดที่ไม่รวมปริมณฑลถึง 59% ซึ่งเร่งตัวขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้าราวกลาง ก..2564 ที่ 46% บ่งชี้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดไปเริ่มกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เรากังวลและตลาดยังไม่ตอบรับคือการยกระดับมาตรควบคุมมากขึ้นในต่างจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการระบาด

แต่การยกระดับจะเป็นลบกับเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มความเสี่ยงขาลง (Downside Risk) ต่อประมาณการ จึงแนะนักลงทุนติดตามใกล้ชิดเกี่ยวกับการระบาดของต่างจังหวัด ดังนั้นจากการระบาดที่ยังมีความเสี่ยงทำให้ประเมิน SET ยังเสี่ยงอ่อนตัวกรอบ 1520 - 1560

สำหรับการส่งออกในเดือน มิ.. ขยายตัว 44% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยหลักเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและฐานปี 20 ที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนสินค้าที่ขยายตัวได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 78% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 42% แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 33% เคมีภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 47% และสินค้าเกษตร เพิ่มขึ้น 60% มองเป็นบวกต่อ (AH DELTA HANA KCE NER PTTGC SAT)

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังต้องติดตามการระบาดโควิด-19 ที่หลายประเทศเผชิญการระบาดอีกครั้ง และบางประเทศที่เกิดการระบาดเป็นคู่ค้าหลักของไทย อาทิ สหรัฐ (15%) ASEAN (13.4%) ญี่ปุ่น (9.8%)

ปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลจากบลูมเบิร์กระบุสัปดาห์นี้จะมี SCC PTTEP GLOBAL รายงานผลประกอบการ (2) ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดี แต่เชื่อว่าไม่มีนัยยะอะไรมากเนื่องจากนโยบาย Policy ยังน่าจะคล้ายประชุมครั้งก่อน

กลยุทธ์การลงทุน การลงทุนระยะสั้นควรเลือกหุ้นที่ผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด อาทิ ส่งออก (ASIAN DELTA HANA KCE NER TU) สื่อสารและโรงไฟฟ้า (ADVANC BGRIM BCPG GPSC GULF) รวมถึงได้ประโยชน์จาก COVID-19 อาทิ โรงพยาบาล (BCH CHG) พร้อมแนะยังคงเน้นการถือครองเงินสดมากขึ้น

KCE (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 90 บาท) คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ 531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 644% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และ 6% เทียบไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากรายได้ที่ขยายตัวสู่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปี 2563 และ เพิ่มขึ้น 7% เทียบไตรมาสก่อน ตามจำนวนวันดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นราคาขาย