รอผบช.น. แจงดราม่าวัคซีนเข็ม3ตร. ยันแค่สำรวจความสมัครใจ

รอผบช.น. แจงดราม่าวัคซีนเข็ม3ตร. ยันแค่สำรวจความสมัครใจ

รอผบช.น. แจงดราม่า ปมฉีดวัคซีนเข็ม3 ให้ตร. ยันแค่สำรวจความสมัครใจ-ยังไม่ได้รับจัดสรรวัคซีน

จากกรณีการเผยแพร่ เอกสาร เรื่องการสำรวจข้อมูลการรับวัคซีนข้าราชการตำรวจ เพื่อจัดเตรียมการรับวัคซีนเข็มที่ 3 ของผู้ปฏิบัติหน้าที่ความเสี่ยงสูง โดยมีการตั้งข้อสังเกตุ เตรียมฉีดให้ ชุดควบคุมฝูงชน ในสังกัด นครบาล 

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)​ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอผบช.น.) ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงจากข้อมูลพบว่า ตำรวจในสังกัดนครบาล ที่ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนต่างๆ มีสถิติการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

ตามนโยบายรัฐบาลกำหนดให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้แก่บุคลากรสาธารณสุข ด่านหน้า ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่กับผู้ป่วย และอาจจะดำเนินการฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งการสำรวจข้อมูลตามหนังสือที่ปรากฏ ก็เป็นการสำรวจเพื่อจัดเตรียมข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งในปัจจุบัน บช.น.ยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม

อีกทั้ง นอกจาก การสำรวจผู้ที่มีความสมัครใจจะฉีดวัคซีนเข็ม 3  แล้ว ยังได้สำรวจผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ผู้ที่ในตอนแรกอยู่ระหว่างการปรึกษาแพทย์ และต่อมาแพทย์อนุญาตให้ทำการฉีดวัคซีนได้ หรือผู้ที่เคยติดเชื้อและหายแล้วในระยะเวลาเกินกว่า 3 เดือน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อเช่นเดียวกัน เพื่อให้มีข้อมูลสถานภาพการฉีดวัคซีนของกำลังพลครบถ้วนตามระบบ

รอง ผบช.น. กล่าวถึงจากกระแสวิจารณ์ในสื่อโซเชียลมีเดีย ถึงการฉีดวัคซีนให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนว่า  เนื่องด้วยรูปแบบหรือสภาพการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน ไม่สามารถแยกกลุ่มการปฏิบัติงานได้ และจะต้องปฏิบัติในพื้นที่จำกัดและมีความหนาแน่นของคนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับกำลังพลต้องพักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แม้ตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 เข็ม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อ

นอกจากนั้น​แล้ว​ ยังมีตำรวที่ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ในการรับส่งผู้ป่วย หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจโควิด-19 ต่างๆ ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสได้รับเชื้อ จึงมีความจำเป็นจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง จึงได้มีการสำรวจข้อมูลสำหรับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในทุกกลุ่มหน้าที่ เพื่อจัดเตรียมไว้หากได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างคลอบคลุม