'จีน-อินเดีย' ตลาดใหม่ 'วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์'

'จีน-อินเดีย' ตลาดใหม่ 'วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์'

เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว ! แผนธุรกิจพร้อมออกมาโลดแล่น 'ชุติภา กลิ่นสุวรรณ' นายหญิง 'วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์' ต่ออจิ๊กซอว์อวดความงามเชื่อมโยงการลงทุนตลาดใหม่ 'จีน-อินเดีย'

แผนการขยายเส้นทางเดินเรือใหม่ การปรับขนาดเรือใหญ่ขึ้น ถือเป็นการปรับแผนธุรกิจใหม่ของ บมจ. วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ VL ให้สอดรับทิศทางเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัว ! ที่กำลังเป็นแรงผลักดันให้ 'ความต้องการ' (ดีมานด์) ของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมในประเทศ และความต้องการการใช้น้ำมันที่มากขึ้น 

และ 'วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์' หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผู้ให้บริการขนส่งปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ ทางทะเลทั้งในประเทศและต่างประเทศระดับภูมิภาคเอเชีย จึงเตรียมความพร้อมการเติบโตดังกล่าว...

'ชุติภา กลิ่นสุวรรณ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ VL ถือโอกาสฉายแผนธุรกิจให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ฟังว่า สำหรับ 'เป้าหมาย' ของบริษัทต้องการรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่เน้นการเติบโตอย่างหวือหวา สะท้อนตามการลงทุนตามจำนวนกองเรือที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการเปิดเส้นทางใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมในประเทศ และความต้องการการใช้น้ำมันที่มากขึ้น หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

สำหรับแผนธุรกิจวางเป้าหมายในช่วง 3 ปี (2564-2566) โดยในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ามีกองเรือทั้งหมด 14 ลำ มีน้ำหนักบรรทุกเรือรวม 53,801 เดทเวทตัน (DTW) จากปัจจุบันบริษัทมีกองเรือทั้งหมด 13 ลำ มีน้ำหนักบรรทุกเรือรวม 41,893 เดทเวทตัน และคาดว่าในช่วงปลายปีนี้ บริษัทมีแผนรับเรือเพิ่มอีก 1 ลำ ขนาด 10,000-12,000 เดทเวทตัน ซึ่งถือว่าเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้จากเดิมที่จะรับเรือขนาดดังกล่าวในปี 2565 แต่ในปีหน้าจำนวนกองเรือเท่าปี 2564 เนื่องจากจำหน่ายเรือที่มีอายุการใช้งานมากออกไป 1 ลำ จะทำให้มีกองเรือ 14 ลำเช่นเดิม 

อย่างไรก็ตาม ในเป้าหมายแผนการลงทุนระยะยาว เพื่อรองรับความต้องการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ทางทะเลทั้งในประเทศและเพื่อรองรับดีมานด์การขนส่งในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจสูง

อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงปลายปีนี้ หากลูกค้ามีความต้องการเพิ่มเรือและมีสัญญาที่ชัดเจน ทางบริษัทอาจจะตัดสินใจเพิ่มเรือตามที่ลูกค้าต้องการได้ก่อนปี 2565 หรือราวปลายปี 2564 นี้ 

162704450710

สอดคล้องกับแผนธุรกิจในปีนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ๆ ในต่างประเทศนั่นคือ 'ตลาดจีน-อินเดีย' ที่อยู่ระหว่างการเจรจาในการขนส่งน้ำมันปาล์ม โดยตลาดจีน-อินเดียมีความต้องการน้ำมันปาล์มระดับสูง สะท้อนผ่านการจัดซื้อเรือขนส่งสินค้าของบริษัทตามนโยบายการขยายจำนวนกองเรือเพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 1 ลำ ขนาดประมาณ 3,000 -12,000 เดทเวทตัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการ พร้อมทั้งรองรับการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจสูง สอดรับกับการขยายเส้นทางการเดินเรือใหม่

เธอ บอกต่อว่า สำหรับในประเทศบริษัทยังคงพยายามมองหาลูกค้าใหม่อยู่ตลอด โดยลูกค้าในประเทศมีการพูดคุยกับบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการทำสัญญา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 4 ปี 2564 

ทั้งนี้ สำหรับเป้าหมายผลประกอบการปี 2564 บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโตที่ 15-20% โดยคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ไตรมาส 4 ปี 2564 น่าจะดีขึ้น หลังประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น ส่งผลดีต่อการขนส่ง การคมนาคม และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการตามปกติได้

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในไตรมาส 2 ปี 2564 มีทิศทางที่ดีขึ้นทั้งในเดือนเม.ย. และ พ.ค. แม้จะเจอสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสาม แต่ก็ยังสามารถรับส่งสินค้าได้ตามปกติ ประกอบกับมีการรับเรือ VL 23 เข้ามาในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเข้ามาหนุนรายได้ของบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง โดยเรือลำดังกล่าวนำมาวิ่งบริการในเส้นทางต่างประเทศเป็นหลัก 

ขณะที่ประเด็นการเติบโตของตลาด 'รถยนต์ไฟฟ้า' ที่ทิศทางเติบโตระดับสูงและรวดเร็วมาก คาดว่าในอนาคตจะกระทบธุรกิจและรายได้ของบริษัทแต่คงไม่ใช่ระยะเวลาอันใกล้ๆ นี้ แม้ว่าในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ตลาดจะมีรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 40-50% แต่ยังคงต้องดูการส่งเสริมจากภาครัฐ รวมไปถึงการพัฒนาปัจจัยอื่น ๆ เช่น สถานีบริการชาร์จไฟฟ้า หรือ อู่ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งยังคงต้องใช้เวลาพัฒนาอีกมาก

รวมไปถึงสัดส่วนการใช้น้ำมันในภาคขนส่งในปัจจุบันอยู่เพียงแค่ประมาณ 39% ซึ่งทางบริษัทยังมีการใช้น้ำมันในภาคส่วนอื่น ๆ อีก 60% ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม , เกษตรกรรม หรือที่อยู่อาศัย ประกอบกับบริษัทยังขนส่งผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น น้ำมันปาล์ม น้ำมันดิบ หรือ ปิโตรเคมีอีกด้วย ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงออกไปในหลากหลายช่องทาง 

ท้ายสุด 'ชุติภา' ทิ้งท้ายไว้ว่า บริษัทมีความพร้อมขยายการขนส่งน้ำมันปาล์มเพิ่มจากแผนการเพิ่มขนาดกองเรือในช่วงปลายปีนี้อีก 10,000-12,000 เดทเวทตัน เนื่องจากทิศทางความต้องการน้ำมันปาล์มในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาก

หญิงแกร่งแห่ง VL 

'ชุติภา กลิ่นสุวรรณ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ VL บอกว่า VL ถือกำเนิดขึ้นปี 2534 แต่ชุติภาเข้าเป็นหุ้นส่วนและเริ่มลุยงานปี 2536 เธอใช้ประสบการณ์ที่ได้สะสมจากการทำงานธนาคารเข้าปรับเปลี่ยนระบบการทำงานภายในใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะ ระบบบัญชี เธอได้สร้างระบบรายรับ–รายจ่ายผูกติดกับธนาคาร เพื่อควบคุมการใช้เงินและป้องกันเงินรั่วไหล ทั้งยังเพื่อยกระดับมาตรฐานการเชื่อมโยงการค้าของ VL กับโลกภายนอก และเธอยังได้ควบงานด้านการจัดซื้อไว้ในเวลาเดียวกัน

ธุรกิจดำเนินไปด้วยดี และมีลูกค้าที่สำคัญคือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จนมีเงินเข้ามาหมุนเวียนมากกว่าเดิม ทำให้สภาพคล่องดีขึ้น และเงินบางส่วนยังถูกนำไปใช้สะสางหนี้ วันหนึ่งชุติภาได้พูดคุยกับหุ้นส่วนว่า หากจะอยู่รอดในธุรกิจนี้ จำเป็นต้องมีเรือลำที่ 2 ลำที่ 3 

ดังนั้นในปี 2539 จึงตัดสินซื้อเรือมาอีก 1 ลำเป็นเรือมือสองมูลค่าราว 25 ล้านบาท พร้อมๆ กับเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 10 ล้านบาท จากเดิม 1 ล้านบาทในปี 2534 

162704446824

ชุติภา กลิ่นสุวรรณ

'หญิงเก่ง' บอกว่า หากต้องการปลดล็อกให้ VL เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น วิธีที่จะทำให้บริษัทเติบโตเร็วขึ้นและยั่งยืนคือเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ในการขยายงาน สะท้อนผ่านการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงย้อนหลัง 3 ปี (2561-2563) โดยมี 'กำไรสุทธิ' อยู่ที่ 61.01 ล้านบาท 80.76 ล้านบาท และ 84.40 ล้านบาท ขณะที่ 'รายได้' อยู่ที่ 696.13 ล้านบาท 713.07 ล้านบาท และ 649.05 ล้านบาท ตามลำดับ และล่าสุดไตรมาส 1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 5.61 ล้านบาท รายได้ 141.97 ล้านบาท