กรุงไทย ชู กองรีท-หุ้น 'สหรัฐ-ยุโรป' เหตุโควิดมีทิศทางคลี่คลาย

กรุงไทย ชู กองรีท-หุ้น 'สหรัฐ-ยุโรป' เหตุโควิดมีทิศทางคลี่คลาย

"กรุงไทยไพรเวทเวลธ์" ชี้นักลงทุนลดความเสี่ยงสินทรัพย์ทั่วโลก เหตุโควิดระบาดหนัก แนะถือเงินสด พร้อมเข้าลงทุน"กองรีท-อินฟราฯ" ในสหรัฐและยุโรป  รวมถึงหุ้นสหรัฐเด่นกลุ่มไฟแนนซ์ พลังงาน เฮลธ์แคร์ ทยอยเก็บได้ 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า  จากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19ที่รุนแรงขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้เกิดความไม่แน่นอน ผู้ลงทุนในตลาดเลือกที่ลดความเสี่ยงในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขายทำกำไรออกมาก่อน  ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและหุ้นไทย ปรับฐานลงมา 

ทั้งนี้คาดว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น  เพราะก่อนหน้านี้ตลาดขึ้นค่อนข้างมากแล้ว และการระบาดรอบล่าสุด จะไม่ได้ส่งผล กระทบรุนแรง เพราะปัจจุบัน งานวิจัยได้ระบุชัดเจนว่า วัคซีนที่มีประสิทธิภาพอย่าง mRNA สามารถป้องกันทั้งการติดเชื้อ การเสียชีวิต และป่วยหนักได้ดี ดังนั้นปัญหาการระบาดในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียบางประเทศก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

สำหรับการปรับฐานของตลาดในระยะสั้นรอบนี้  แนะนักลงทุนลดความเสี่ยงตลาดหุ้นไทย เพื่อถือเงินสด และเป็นจังหวะการเข้าลงทุน  กองทุนอินฟราสตรัคเจอร์และกองรีท ที่ยังมีความน่าสนใจอยู่ แต่ต้องเลือกรายภูมิภาคที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวได้ดี เช่น สหรัฐและยุโรป   ขณะที่ในไทยต้องเลือกอุตสาหกรรมที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เช่น คลังสินค้า ดิจิทัลอินฟราสตรัคเจอร์ และโลจิสติกส์ 

ขณะที่ในประเทศไทย เรามองว่า การระบาดระลอกใหม่ยังไม่ถึงจุดเลวร้ายสุด ดังนั้น สถานการณ์ดังกล่าวจะยังคงกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นไทย  รวมถึงค่าเงินบาทต่อไปมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 33 บาท มากกว่าเดิมที่ประเมินไว้ที่ 32.25บาทต่อดอลลาร์ 

  162682342979    

นายวิริยะชัย จิตตวัฒนรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่าย กลยุทธ์การลงทุน ไพรเวทเมเนจท์เม้นท์ ธนาคารกรุงไทย  กล่าวว่า  การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงครึ่งหลังปีนี้ เน้นการลงทุนในหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้ว สหรัฐ ยุโรป และจีน น่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อไป  และปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยในภาวะที่สถานการณ์โควิด-19 ในไทยที่เข้าขัั้นสู่วิกฤติ 

ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีกำไรในหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth) สามารถขายทำกำไรบางส่วนถือเงินสด รอทยอยเข้าเก็บหุ้นในช่วงตลาดปรับฐานลงมาจากปัจจัยการแพร่ระบาดโควิด-19สายพันธุ์เดลต้า  

ดั้งนั้นจึงแนะนำจัดพอร์ตการลงทุนหุ้นรับตลาดผันผวนมากขึ้น เน้นคัดเลือกหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและมีความสามารถในการกำหนดราคาสินค้าและบริการที่สูง  กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจเข้าลงทุน ได้แก่  หุ้นสหรัฐในกลุ่มอุตสาหกรรมไฟแนนซ์ พลังงาน เฮลธ์แคร์ , หุ้นยุโรปขนาดใหญ่ และตราสารหนี้จีน 

สำหรับพอร์ตลงทุนความเสี่ยงปานกลาง  แบ่งสัดส่วนการลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เก็ต 18%  ,ตราสารหนี้ต่างประเทศ 33%,หุ้นต่างประเทศ 44%และกองรีท 5%  มีผลตอบแทนคาดหวังเฉลี่ยที่ 5-8% ต่อปีและมีความผันผวนเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี