'ประยุทธ์' ถก 40 ซีอีโอ หาทางออกวิกฤติประเทศพรุ่งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพุธ (21 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ และมีกำหนดการพบหารือกับภาคเอกชนในช่วงบ่าย โดยในเวลา 14.00 น จะพบกับคณะผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ 

ซึ่งทั้งสองบริษัทมีกำหนดการที่จะเข้าพบเพื่อมอบสิ่งของและเงินบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

หลังจากนั้นในเวลา 14.20 น.นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ 40 ซีอีโอ เรื่องการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) (ผ่านระบบ Video Conference) ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีตัวแทนจากภาครัฐที่จะเข้าร่วมหารือได้แก่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

รายงานข่าวจากสภาหอการค้าไทยเปิดเผยว่าตัวแทยซีอีโอที่จะหารือกับนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ประกอบไปด้วยนักธุรกิจชั้นนำหลายคน เช่น นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด นายกลินท์ สารสิน ประธานอาวุโสหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย / ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด นางจีรพันธ์ อัศวะธนกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีแวลู กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG นาย Harald Link ประธานกรรมการ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายผยง ศรีวณิช สมาคมธนาคารไทย ธนาคารกรุงไทย นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย

นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) นางศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด นางปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM)

นางวัลลภา ไตรโสรัส บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด นางวัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) นางณัฏฐิณี เนตรอำไพ กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย  นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการบริหาร เอ็ม บี เค กรุ๊ป และนาย Stanley Kang The Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand (JFCCT) เป็นต้น 

ก่อนหน้านี้ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้มีการหารือกับผู้บริหารชั้นนำ 40 CEOs (พลัส) ที่เป็นสมาชิกของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยว่าว่า ภาคเอกชนต่างรู้สึกเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งกระทบต่อเนื่องไปยังความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่การจัดหาและการกระจายวัคซีนก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในมุมมองของ 40 CEOs (พลัส) ขอเสนอให้จำกัดเฉพาะบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ควรล็อคดาวน์ทั้งประเทศ โดยให้ดำเนินการควบคุมเฉพาะพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาก งดการเคลื่อนย้ายของประชาชน เน้นให้ประชาชนทำงานที่บ้าน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ นอกจากนั้น มาตรการที่จะประกาศใช้ต้องคำนึงและให้ครอบคลุมถึงแนวทางการดูแล และเยียวยาทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนควบคู่กันไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการเคลื่อนย้ายของประชาชนกลับภูมิลำเนา ซึ่งส่งผลให้การระบาดกระจายไปทั่วประเทศ และในที่สุดจะนำไปสู่ความล้มเหลวทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจ (เจ็บแต่ไม่จบ) และจะลามไปถึงปัญหาทางสังคมอีกในอนาคต

ปัจจุบัน การฉีดวัคซีนในประเทศไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศไทยได้ 1 โดส 13% และครบ 2 โดสเพียง 4% ของประชากรเท่านั้น สาเหตุเพราะจัดหาวัคซีนได้น้อยกว่าที่ได้วางแผนไว้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงขอเสนอให้ภาครัฐต้องมีการเตรียมการ ทั้งจัดหาและจัดสรรวัคซีนให้เร็วและเพียงพอ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน 25 ศูนย์ นอกโรงพยาบาล ของหอการค้าไทยและภาคีมีความสามารถที่จะเสริมและรองรับการกระจายวัคซีนได้จำนวน 80,000 โดสต่อวัน และมีมาตรการรองรับผู้ฉีดทุกกลุ่มอายุ สามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลได้ จึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาใช้ประโยชน์จากศูนย์ฉีดฯ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายสนั่น กล่าว

ทั้งนี้ ภาครัฐควรจัดหายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะมารักษาเพิ่มขึ้นให้เพียงพอ และเพิ่มจำนวนเตียงที่มารองรับผู้ป่วยให้มากขึ้นอีกด้วย รวมถึงมีมาตรการ Home Isolation ที่ชัดเจน พร้อมเสริมการตรวจเชิงรุกโดย Rapid test ในราคาที่เหมาะสม เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกมา

อ่านเพิ่มเติม: 40 ซีอีโอหนุนล็อกดาวน์จำกัดพื้นที่ห่วงฉีดวัคซีนล่าช้า