ก้าวไกล งัดพ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน โต้'สาธิต' จี้สธ.แจงแผนส่งมอบแอสตร้าฯ

ก้าวไกล งัดพ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน โต้'สาธิต' จี้สธ.แจงแผนส่งมอบแอสตร้าฯ

ก้าวไกล งัดพ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน โต้'สาธิต' จี้สธ.แจงแผนส่งมอบแอสตร้าฯ ย้อนคำพูดนายกฯ-อนุทิน ฉีดวัคซีนมีคุณภาพ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล เเถลงข่าวถึงสถานการณ์การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ของรัฐบาล หลังจากเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนโควิดสลับ 2 ชนิดว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของประชาชนโดยทันทีทำไมรัฐบาลไทยจึงตัดสินใจใช้วัคซีนสูตรผสมระหว่างวัคซีนซิโนแวค และ แอสตร้าเซเนก้าซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์ ได้ให้ข่าวว่าเป็นการตัดสินใจใช้เป็นครั้งแรกในโลก 

นายวิโรจน์ยังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เคยแจ้งกับประชาชนไว้เองเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่า “จะไม่ยอมให้รีบร้อนฉีดวัคซีนที่ยังทดสอบไม่ครบถ้วน และไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ ผมจึงมีนโยบายสำคัญ คือ ต้องมั่นใจก่อนว่า วัคซีนนั้นปลอดภัย จึงจะนำมาใช้กับคนไทยได้”

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและสาธารณสุข ก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในทำนองเดียวกันเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ว่า “การเอาคนไทยมาเป็นผู้ถูกทดลองวัคซีน ไม่เคยอยู่ในหัวของ รมว.สาธารณสุขคนนี้”

ทั้งนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับการบริจาควัคซีน แอสตร้าจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 1,050,000 โดส ซึ่งได้มีการรับมอบไปเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็สงสัยว่า เหตุใดทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีโรงงานผลิตวัคซีนตั้งอยู่ภายในประเทศ หากรับบริจาควัคซีนยี่ห้ออื่น ก็พอเข้าใจเหตุผลได้ แต่การรับบริจาควัคซีนที่เรามีโรงงานของเราเอง ยิ่งทำให้ประชาชนสงสัยเป็นอย่างมากว่า เหตุใดแอสตร้าที่ผลิตในประเทศไทย ไม่ส่งมอบให้กับคนไทยได้ตามแผนการจัดหาที่รัฐบาลประกาศให้ประชาชนทราบ

ปัญหาการส่งมอบก็เกิดขึ้นจริงๆ เดือนมิถุนายน จากข้อมูลระบบติดตามตรวจสอบย้อนกลับโซ่ความเย็น ที่จัดทำขึ้นโดยกระทรวง อว. พบว่ามีการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าฯเพียง 5,371,100 โดส ขาดส่งจากแผนการจัดหาวัคซีน 6,333,000 โดส อยู่ถึง 961,900 โดส ซึ่งหมายถึงชีวิตของประชาชนคนไทยเกือบ 1 ล้านคน ที่สูญเสียโอกาสในการปกป้องชีวิตของตนเองจากโรคระบาด ซ้ำร้ายในปัจจุบัน ระบบติดตามตรวจสอบย้อนกลับโซ่ความเย็น ก็ได้ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบได้แล้ว

"พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล เเละกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ณ โอกาสนี้ ให้เปิดระบบให้ประชาชนได้เข้าไปตรวจสอบการส่งมอบวัคซีน เพื่อความโปร่งใส โดยเร็วที่สุด"

ส่วนที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าแอสตร้าเซเนก้า อาจจะไม่สามารถส่งครบตามกำหนดไว้ตอนเเรก คือภายในเดือนธันวาคม 2564 ครบ 61 ล้านโดส เเต่อาจจะเลื่อนเป็นเดือนพฤษภาคม 2565 นายวิโรจน์กล่าวว่า กรรีณีมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือมี พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน  แต่นายสาธิต ก็ระบุเช่นกันว่า การใช้กฎหมายอาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้

ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงข้อความในหนังสือเเสดงเจตจำนงค์  ที่รัฐบาลตกลงไว้เเต่เเรก เเละต้องถามย้อนกลับนายสาธิต ว่าหนังสือดังกล่าว มีผลผูกพันธ์กับรัฐบาลหรือไม่  ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จริง อาจจะต้องถามย้อนไปยังแอสตร้าเซเนก้าไทยเเลนด์ให้ชี้เเจงถึงสัญญาที่ทำไว้กับรัฐบาลไทย และหากรัฐบาลรู้ทั้งรู้ว่าทำสัญญาเเล้วมีผลผูกพันธ์ตามมา รัฐบาลต้องรับผิดชอบ กรณีที่นายอนุทิน ได้เคยชี้เเจงต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่ามีวัคซีนเต็มเเขนประชาชน ดังนั้น นายอนุทิน จะต้องชี้แจงในเรื่องนี้และต้องมีคำตอบให้ประชาชนต่อกรณีที่เกิดขึ้น