'กรมราชทัณฑ์' เผยผู้ต้องขังหายป่วยโควิด-19 แล้ว 94.2%

'กรมราชทัณฑ์' เผยผู้ต้องขังหายป่วยโควิด-19 แล้ว 94.2%

สถานการณ์โควิด-19 "กรมราชทัณฑ์" พบผู้ติดเชื้อรักษาหายแล้ว 94.2% ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ภาพรวมการระบาดยังดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.-นนทบุรี

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 39/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 "กรมราชทัณฑ์" อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เผย ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ภาพรวมการระบาดยังดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.-นนทบุรี 

นายวัลลภ เปิดเผยว่า ภาพรวมการระบาดของ "กรมราชทัณฑ์" ปัจจุบันมีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาด 120 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 13 แห่ง โดยมีเรือนจำอำเภอธัญบุรี และสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ที่พบระบาดเพิ่มจากการรายงานครั้งก่อน และในวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายยังมีต่อเนื่อง รวมหายสะสม 35,472 ราย หรือ 94.2% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด มีผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรักษารวม 1,862 ราย เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 71.4% สีเหลือง 28.1% และสีแดง 0.5% ผู้เสียชีวิตสะสม 47 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสม 

โดยพบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและนนทบุรี ที่ถือว่าเกือบจะเป็นปกติแล้ว ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ระหว่างรักษารวมอยู่ที่ 470 ราย มีเพียงเรือนจำพิเศษมีนบุรี ที่ยังอยู่ระหว่างการควบคุมโรคซึ่งพบการระบาดในบางแดนเท่านั้น เช่นเดียวกับเรือนจำและทัณฑสถานในเขตพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัด รวมถึงเรือนจำแพร่ระบาดใหม่ ที่ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเล็กน้อย ซึ่งสถานการณ์โดยรวมยังถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะทุกฝ่ายได้เตรียมแผนรองรับการแพร่ระบาด รวมถึงการเตรียมยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรเพื่อปฏิบัติงาน ภายใต้การประสานงานกับโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่อย่างเป็นระบบเรียบร้อยแล้ว

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะประธานการประชุม ยังคงเน้นย้ำการเฝ้าระวัง ป้องกัน และรักษาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างรอบคอบในทุกจุด โดยเฉพาะการเตรียมรับมือกับการระบาดภายนอกอย่างใกล้ชิด และเร่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายนอกเรือนจำเพื่อรองรับผู้ต้องขังที่ติดเชื้อระหว่างการกักโรคในเรือนจำสีขาวที่ยังไม่พบการระบาด โดยเฉพาะในสภาวะที่การระบาดของเชื้อที่มากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่มีความเสี่ยงที่จะนำเชื้อเข้าสู่เรือนจำและทัณฑสถานที่มากขึ้น จนอาจจะทำให้โรงพยาบาลภายนอกไม่สามารถรองรับการรักษาได้ทั้งหมด

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนประจำวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 1 ราย ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ ณ ชั้น 6 ของอาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ จากเดิมมีผู้ติดเชื้อเป็นเจ้าหน้าที่อยู่เเล้ว 4 ราย รวมผู้ติดเชื้อใหม่เป็นทั้งสิ้น 5 ราย โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการรักษาตัว พร้อมกันนี้กรมพินิจฯ ได้สั่งปิดที่ทำการทั้งชั้น 6 และ 7 บางส่วน เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณดังกล่าว ด้านผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงกรมได้ดำเนินการคัดแยก และทำการตรวจหาเชื้อเเล้ว จำนวนทั้งสิ้นกว่า 50 ราย ซึ่งเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เข้าตรวจหาเชื้อแล้ว และผลการตรวจจะออกในวันอังคารที่ 13 ก.ค. นี้

สำหรับผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว ลดเหลือ 38 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง หรือคิดเป็น 68% และอีก 18 แห่งนั้น อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 7 แห่ง หมดสถานะ 4 แห่ง และติดเชื้อ 7 แห่ง  ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน รวมทั้งสิ้น 111 ราย หรือคิดเป็น 2.5% จากทั้งหมด 4,369 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,506 ราย หรือคิดเป็น 79.5% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4,409 ราย

ทั้งนี้ กรมได้มีความเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ดูแลเด็กและเยาวชนทุกคน เนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น และห่วงจะนำเชื้อไปสู่เด็กและเยาวชนในสถานที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวจำนวนหลายคน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติตนตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด พร้อมงดเว้นการเดินทางออกนอกพื้นที่ และให้ปฏิบัติงาน Work From Home เพิ่มขึ้นเป็น 85% เพื่อระงับและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ต่อไป

162608818222