'รัฐบาล' ตั้งเป้าจัดซื้อวัคซื้อวัคซีนหลัก-วัคซีนทางเลือก 150 ล้านโดสภายในกลางปี 2565

'รัฐบาล' ตั้งเป้าจัดซื้อวัคซื้อวัคซีนหลัก-วัคซีนทางเลือก 150 ล้านโดสภายในกลางปี 2565

"รัฐบาล" ตั้งเป้าจัดซื้อวัคซื้อวัคซีนหลัก-วัคซีนทางเลือก 150 ล้านโดสภายในกลางปี 2565

วันที่ 10 .. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางในการจัดหาวัคซีนของประเทศไทยนั้นยังเป็นไปตามกรอบแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 จำนวน 150 ล้านโดสภายในกลางปี 2565 เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยมติ ครม.ที่ผ่านมา ได้เร่งรัดให้มีการจัดหาวัคซีน ทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก โดยเน้นการจัดหาวัคซีนที่มีการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายด้วย เพื่อรองรับสถานการณ์การกลายพันธ์ของเชื้อโควิดที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งทั่วโลก

นายอนุชาฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดประเทศไทยมีการจัดหาและดำเนินการเจรจาวัคซีนหลักไปแล้วมากกว่า 105.5 ล้านโดสและมีแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนที่เป็นวัคซีนหลักให้แก่ประชาชนให้ครบ 150 ล้านโดสภายในไม่เกินกลางปี 2565 ซึ่งวัคซีนหลักนั้นจะเป็นวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาและประชาชนสามารถเข้าถึงได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งวัคซีนหลักในปัจจุบันประกอบไปด้วย AstraZeneca, Sinovac, Pfizer และ Johnson & Johnson

นายอนุชา กล่าวต่อว่า ส่วนวัคซีนทางเลือกนั้นเอกชนเป็นผู้จัดหา โดยองค์การเภสัชกรรมเป็นตัวกลางในการทำสัญญากับผู้ผลิตเนื่องจากขณะนี้ผู้ผลิตมีเจตจำนงชัดเจนว่าในภาวะที่มีการระบาดในปัจจุบัน ผู้ผลิตจะดำเนินการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ผ่านหน่วยงานรัฐบาลในแต่ละประเทศเท่านั้น เนื่องจากวัคซีนที่ใช้อยู่เป็นการใช้ในภาวะฉุกเฉิน โดยได้มีการเจรจากับผู้ผลิตเพื่อเตรียมนำวัคซีนเข้ามาอย่างน้อย 10 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนทางเลือกในปัจจุบัน ประกอบด้วย Sinopharm และ Moderna ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกที่ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ทางเอกชน ทั้งนี้ วัคซีน Sinopharm เป็นวัคซีนทางเลือกที่ได้เริ่มฉีดให้กับประชาชนแล้ว ซึ่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ฉีดให้แก่ประชาชนไปแล้วกว่า 2 ล้านโดส

นายอนุชา กล่าวด้วยว่า ส่วนการจัดหาวัคซีนหลักโดยรัฐบาลนั้น รัฐบาลจะเป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนโดยประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่วัคซีนทางเลือกนั้นเป็นการเปิดช่องทางเลือกให้แก่ประชาชนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและความสมัครใจของตนเอง โดยมีค่าใช้จ่ายตามที่เอกชนกำหนด ตามนโยบายของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนให้มากที่สุดและฉีดให้ประชาชนให้เร็วที่สุด

"ยอดสะสมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ตั้งแต่วันที่ 28 .. - 9 .. 2564 รวมทั้งสิ้น 12,403,255 โดส แบ่งเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 9,156,006 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 3,247,248 ราย นอกจากนี้การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ มียอดสะสมเกือบ 4 ล้านโดสแล้ว แบ่งเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 2,196,456 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มจำนวน 895,830 ราย"นายอนุชา กล่าว