ตลท. เผยดัชนี SET ครึ่งแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 9.6% สูงกว่าตลาดหลักทรัพย์อื่น

ตลท. เผยดัชนี SET ครึ่งแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 9.6% สูงกว่าตลาดหลักทรัพย์อื่น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยครึ่งแรกปี 2564  SET Index  ปิดที่ 1,587.79 จุด ลดลง 4% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยใน 6 เดือนแรกปี  2564  SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าตลาดหลักทรัพย์อื่น

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน  2564  SET Index  ปิดที่  1,587.79  จุด ลดลง  0.4% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 9.6%  เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index  ได้แก่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นสัญญาณการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหลักทรัพย์บางกลุ่มที่สูงกว่าผลการดำเนินงานในอดีตค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ลงทุนควรพิจารณาข้อมูลพื้นฐานเป็นรายหลักทรัพย์และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

เนื่องจากมองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์  เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตัวเลขการส่งออกของไทยเติบโต  โดยในเดือนพฤษภาคม 64 มูลค่าการส่งออกไทยเพิ่มขึ้นถึง 41.59%  จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า

ขณะที่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศ และการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ค่อนข้างล่าช้าทำให้ผู้ลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยว กับการกลับมาเปิดประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอาจต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วงต้นปี  

  162564640319

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ครึ่งแรกปี 2564  ดังนี้ 

  • ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 SET Index  ปิดที่ 1,587.79 จุด ลดลง 4% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยใน 6 เดือนแรกปี  2564  SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ  
  • ในเดือนมิถุนายน 2564  หลายอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี  2563 ได้แก่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ทั้งนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหลักทรัพย์บางกลุ่มที่สูงกว่าผลการดำเนินงานในอดีตค่อนข้างมาก ผู้ลงทุนควรพิจารณาข้อมูลพื้นฐานเป็นรายหลักทรัพย์และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
  • ในเดือนมิถุนายน 2564   มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่   97,121  ล้านบาท เพิ่มขึ้น  5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 6 เดือนแรกปี  2564  มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่  98,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 
  • ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่  6 โดยในเดือนมิถุนายน  2564  ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ  10,947 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง   6 เดือนแรกปี  2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม  77,817 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ   111,278 ล้านบาท นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์  2563  ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVIDโควิด 
  • ในเดือนมิถุนายน 2564   มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน mai  1  บริษัท โดยใน 6 เดือนแรกปี  2564   SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN
  • Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ระดับ 0 เท่า และ 29.8 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า และ 22.4 เท่าตามลำดับ
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ระดับ 34% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.24%

 

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

  • ในเดือนมิถุนายน 2564 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 642,603 สัญญา เพิ่มขึ้น 7.6% จากเดือนก่อน สาเหตุสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures