วงการตลาดทุน ค้าน'เก็บภาษีขายหุ้น' หวั่นตลาดหุ้นไทยขาดศักยภาพแข่งขัน

วงการตลาดทุน ค้าน'เก็บภาษีขายหุ้น' หวั่นตลาดหุ้นไทยขาดศักยภาพแข่งขัน

“สรรพากร”รับศึกษาเก็บภาษีขายหุ้น “เฟทโก้”เผยไม่เห็นด้วย หวั่นตลาดทุนไทยแข่งขัน-พัฒนายากขึ้น วอลุ่มเทรดลดฮวบ เสนอรัฐใช้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งระดมทุนSME เชื่อโจทย์ประเทศมากกว่า “นายกสมาคมบลจ.” ชี้ความน่าสนใจตลาดหุ้น -กองทุนไทยลดลงด้าน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีขายหุ้นแก่นักลงทุนที่มี ปริมาณการซื้อขายมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน ในอัตรา0.11% 

นายเอกนิติ​ นิติทัณฑ์ประภาศ​ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า แผนการจัดเก็บภาษีจากธุรกรรมการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์​ เป็นหนึ่งในแผนการปฏิรูปภาษีของกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม​ การจัดเก็บภาษีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการศึกษา​ และยังบอกไม่ได้ว่าจะนำมาใช้เมื่อไหร่​ ขึ้นอยู่กับระดับนโยบายของกระทรวงการคลัง

เขากล่าวด้วยว่า​ การจัดเก็บภาษีจากธุรกรรมการขายหุ้น​หรือ​ Financial Translation ​Tax ความจริงแล้วถูกกำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร​(กฎหมายภาษีของกรมสรรพากร)​อยู่แล้ว​ แต่ได้ยกเว้นมาโดยตลอดตั่งแต่ปี 2534 ทั้งนี้ ภาษีดังกล่าว​ ซึ่งเก็บจากธุรกรรมการขายหุ้น​ ไม่ใช่เป็นการเก็บจากกำไรส่วนทุนจากการขายหลักทรัพย์ หรือ capital gain

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ ไม่ขอออกความคิดเห็นกรณีที่ภาครัฐอยู่ระหว่างศึกษาเก็บภาษีซื้อขายหุ้น เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ

     

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) กล่าวว่า  หากภาครัฐมีการจัดเก็บภาษีดังกล่าวตามข่าวที่สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน ทาง"เฟทโก้"ไม่เห็นด้วยการจัดเก็บภาษีขายหุ้น เนื่องจาก มองว่าปัจจุบันยังไม่ใช้จังหวะเหมาะสม ในการดำเนินการเก็บภาษี เพราะทำให้การพัฒนาตลาดทุนไทยทำได้ลำบากขึ้น ซึ่งปัจจุบันตลาดทุนไทยอยู่ในช่วงของการพัฒนา มีฐานนักลงทุนในตลาดหุ้นไม่ถึง3 ล้านคน และทำให้ตลาดหุ้นไทยแข่งขันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคไม่ได้ จากตลาดหุ้นในภูมิภาคหลายแห่งไม่ได้เก็บภาษีการขายหุ้น เช่น ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นฮ่องกง ฯลฯ ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในตลาดหุ้นในต่างประเทศแทน


ทั้งนี้จะส่งผลกระทบทำให้สภาพคล่องการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง จากนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่ง มีสัดส่วนการซื้อขายประมาณ41%ของมูลค่าซื้อขายในตลาดหุ้นไทย และปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติซื้อขายหุ้นไทยผ่านโปรแกรมเทรด ซึ่งจะมีลักษณะการซื้อขายถี่ๆ ทำให้หากเก็บภาษีขายหุ้นทำให้ต้นทุนการซื้อขายเพิ่มขึ้นทำให้ไม่มาเทรดในตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่าจะทำให้มูลค่าซื้อขายตลาดรวมหายไปประมาณ 30%


ส่วนนักลงทุนในประเทศ ส่วนหนึ่งอาจหันไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เพราะมองว่ากรรลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากว่า เมื่อรวมต้นทุนการซื้อขายทุกอย่างแล้ว และหากสภาพคล่องซื้อขายหุ้นลดลง ก็จะส่งผลกระทบต่อบริษัทที่จะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯเช่นกัน เพราะเมื่อสภาพคล่องน้อย  รวมถึงการอาจทำให้นักลงทุนอาจไม่สนใจมากลงทุน ทำให้บริษัทระดมทุนไม่ได้ตามเป้าหมาย


"เฟทไม่เห็นด้วยที่เก็บภาษีขายหุ้น เพราะ ขณะนี้ยังไม่ใช่จังหวะจะทำเรื่องนี้ เพราะตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงพัฒนา นักลงทุนในตลาดหุ้นมีไม่ถึง 3 ล้านคน หากรัฐเก็บเงินที่ได้จากการเก็บภาษีไม่คุ้นเสีย ไม่ช่วยอะไรมาก ทำให้การพัฒนาตลาดทุน มีปัญหาก็ไม่คุ้ม"

สิ่งที่ตลาทุนทำได้คือการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ของบริษัทขนาดเล็ก SME ซึ่งเราทำอยู่ ถ้าภาครัฐบาลมาใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนทางเลือกให้กับ SMEจะเหมาะกว่า ผลที่ได้จะเป็นเชิงบวกและตอบโจทย์ประเทศมากกว่า 

สมาคมบลจ.หวั่นตลาดหุ้น-กองทุนไทยน่าสนใจลดลง

    นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน หรือ AIMCกล่าวว่า หากมีการ"เก็บภาษีบนธุรกรรมซื้อขายหุ้น"จะส่งผล กระทบทางตรงต่อยอดธุรกรรมในตลาด สภาพคล่องในตลาด และผลตอบแทนการลงทุนลดลง ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้ต้นทุนในการลงทุนเพิ่มขึ้น

     อีกทั้งมองว่า ยังส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการบริหารจัดการกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโบยายการลงทุนแบบ Active ที่มีธุรกรรมการซื้อขายหุ้นหลายครั้งและยอดธุรกรรมค่อนข้างมาก น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด และยังส่งผลกระทบเซ็นทริเม้นต์ต่อการลงทุนทำให้ความน่าสนใจของกองทุนไทยลดลงเมื่อเทียบกับการลงทุนในต่างประเทศ    

      ดังนั้น การพิจารณการเก็บภาษีดังกล่าว มองว่า ภาครัฐควรจะพิจารณาอย่างรอบคอบและคำนึงถึงสภาพแวดล้อมโดยรวมของตลาดทุนไทยที่อิงเศรษฐกิจของประเทศ  ซึ่งปัจจุบันจีดีพีมีอัตราการเติบโตต่ำกว่าประเทศอื่น และในตลาดหุ้นไทยเองไม่มีมีหุ้นนิวอีคอนมีมากเหมือนตลาดหุ้นในประเทศอื่นๆ  อาจไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างชาติได้ รวมถึงนักลงทุนในประเทศทุกกลุ่มด้วย ไม่เฉพาะนักลงทุนสถาบัน ปัจจุบันในตลาดมีนักลงทุนรายย่อยเป็นจำนวนมากเช่นกัน  

     “หากมีการเก็บภาษีบนธุกรรมซื้อขายหุ้น ทำให้ความน่าสนใจของทั้งตลาดหุ้นไทยและกองทุนไทยลดลงเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ที่มีหุ้นนิวอีคอนอมีมากกว่าและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า”

“เสี่ยป๋อง" เชื่อไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววัน

นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่  กล่าวว่า  กรณีที่มีกระแสข่าวว่าประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีซื้อขายหุ้นกับนักลงทุน โดยภาษีดังกล่าวจะเรียกเก็บ 0.11% สำหรับนักลงทุนที่มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือนนั้น เบื้องต้นไม่แน่ใจว่ากระแสข่าวดังกล่าวจริงเท็จแค่ไหน เพราะว่าข่าวลักษณะดังกล่าวมีออกมาเป็นระยะ แต่เห็นจากตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6 ก.ค.) นักลงทุนคงไม่ได้กังวลกับประเด็นดังกล่าวมากนัก เพราะวานนี้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางบวก 

แต่หากกระแสข่าวดังกล่าวจริง ส่วนตัวเชื่อว่าคงจะไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องคงต้องดูผลดีผลเสียรอบด้านที่จะกระทบต่อภาพรวมก่อน และมองว่าจะไม่ได้กระทบแค่นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นอย่างเดียว แต่หากจะมีการเรียกเก็บภาษีจริงๆ ในฐานะนักลงทุนก็พร้อมจะปฏิบัติตามกฎดังกล่าว เพียงแต่ต้องให้นักลงทุนมีระยะเวลาเตรียมตัวกันด้วย หรือประกาศออกมาล่วงหน้าหลายปีก่อนจะมีผลบังคับใช้ ไม่ใช่ประกาศออกมาแล้วมีผลบังคับใช้ทันที