พลิก 3 ปัจจัย 'ม็อบ' ลงถนน จุดไฟไล่ 'รัฐบาล' ครึ่งปีหลัง

ไม่เกินความคาดหมาย ที่กลุ่มคณะราษฎรจะเรียกมวลชนกลับมาชุมนุมอีกครั้ง ในกิจกรรมวันที่ 24 มิ.ย. และ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังแกนนำคนสำคัญเข้าไปอยู่ในเรือนจำหลายเดือน จากคดีความการชุมนุมเมื่อกลางปี 2563 ต่อเนื่องปี 2564

แทบทุกหมุดหมายในวันสำคัญทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย.2475 วันครบรอบการยึดอำนาจ 22 พ.ค.2557 เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 หรือ 6 ตุลา 19 กระทั่งวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.ของทุกปี ล้วนแต่เป็นวันนัดชุมนุมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เรียกมวลชนเคลื่อนไหวทางการเมือง แสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลมาโดยตลอด

โดยเฉพาะภาพการชุมนุมกลุ่มราษฎร เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2564 ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นภาพกลุ่มผู้ชุมนุมออกมาเดินขบวนมากที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี เนื่องจากเป็นการชุมนุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบเกือบ 2 เดือน ตั้งแต่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุลอานนท์ นําภา ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ได้รับการประกันตัวออกมาช่วงต้นเดือน พ.ค.2564

แน่นอนว่า ความคาดหวังจากกลุ่มมวลชนต้องการขยับการชุมนุมให้กลับมาเข้มข้น เช่นเดียวกับการชุมนุมใหญ่ในปี 2563 แต่กลับอยู่บน "กฎเหล็ก" ของศาลที่มีต่อแกนนำในเงื่อนไข "ประกันตัว" ห้ามกระทำการใดๆ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และให้มาศาลตามกำหนดนัดโดยเคร่งครัด

ทว่า ตัวชี้วัดการเคลื่อนไหวขณะนี้ จึงอยู่ที่ 3 ปัจจัยหลักต่อการเคลื่อนขบวนชุมนุม ประกอบด้วย 1.ความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด จากคำสั่งรัฐบาลห้ามร้านค้าเปิดรับประทานอาหารในร้าน กำลังกลายเป็นประเด็นที่แนวร่วมม็อบทุกกลุ่มกำลังปลุกกระแสต่อต้านคำสั่งรัฐบาล ที่พุ่งตรงไปถึงอำนาจการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

2.การทำกิจกรรมในวันสำคัญทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม หรือการแสดงสัญลักษณ์ในช่วง "ครึ่งปีหลัง" จะถูกเคลื่อนไหวทั้งบนถนน และโซเชียลมีเดีย เพื่อให้กระแสกลุ่มผู้ชุมนุมติดลมบนไปถึงวันครบรอบ 15 ปีรัฐประหาร 19 กันยา 2549 จนถึงวันสำคัญในเดือน ต.ค.2564 ในวันครบรอบ 48 ปีเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 วันครบรอบ 45 ปีในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ไปจนถึงวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.

3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ภาคประชาชนโดยกลุ่ม "Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่" ในแคมเปญ "ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์" จากความร่วมมือจากคณะก้าวหน้า รัฐธรรมนูญก้าวหน้า พรรคก้าวไกล และไอลอว์ ได้นำรายชื่อประชาชน 150,921 คนขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ยื่นต่อรัฐสภาไปแล้วเมื่อ 30 มิ.ย.2564

โดยเฉพาะท่าทีจากแกนนำม็อบกำลังเป็นสถานการณ์วัดใจจุดยืนจะเดินหน้าอย่างไรให้ "รอด" จากเงื่อนไขประกันตัว พร้อมการกดดันรัฐสภาบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจากกลุ่ม "Re-Solution" ไม่ให้ถูกตีตก ซ้ำรอยร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับ "ไอลอว์" บนแรงบีบเงื่อนไขประกันตัวที่เป็นชนักติดหลังต่อการเคลื่อนขบวนในประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ

ทั้ง 3 ปัจจัยการเคลื่อนไหวที่เป็น "ชนวน" ให้ม็อบยังอยู่ในกระแสชุมนุมได้ต่อไป เป็นสถานการณ์รอจังหวะเข้าตีรัฐบาลในช่วงขาลงเพื่อหาแนวร่วมกลุ่มใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเคยสนับสนุนรัฐบาล หรือจาก "กลุ่มพลังเงียบ" ออกมาสนับสนุนการชุมนุมให้ขยายตัวมากกว่าเดิม

ยุทธวิธี "ถอยเพื่อรุก" จากแกนนำม็อบ บนเส้นขนานเงื่อนไขประกันตัว และจุดยืนการชุมนุม กำลังถูกวางหมากเดินอย่างละเอียด ไม่ให้ผิดเงื่อนไขประกันตัว เพื่อสะสมกำลังต่อต้านรัฐบาลชุดนี้ ไปจนกว่าจะครบวาระการบริหารงานในปี 2566 หรือจนกว่าจะมีอุบัติเหตุยุบสภา

เมื่อทุกก้าวย่าง แกนนำ "ราษฎร" กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ระหว่างเรือนจำกับพื้นที่ชุมนุม และสถานการณ์แพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด บนเหตุ 3 ปัจจัยที่เตรียมพร้อมเคลื่อนไหวตลอดครึ่งปี 2564