'สุดารัตน์' ประกาศทำภารกิจสุดท้ายการเมือง กำจัด 'เผด็จการ-อำนาจนิยม'

'สุดารัตน์' ประกาศทำภารกิจสุดท้ายการเมือง กำจัด 'เผด็จการ-อำนาจนิยม'

คุณหญิงสุดารัตน์ ประกาศใช้ประสบการณ์การเมือง 29 ปี สร้างพรรคไทยสร้างไทย เป็นมรดก-สร้างโอกาสให้ลูกหลาน ย้ำไม่หวังตำแหน่ง-อำนาจ ลั่นต้องกำจัดอำนาจเผด็จการ-ราชการรวมศูนย์

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคไทยสร้างไทย จัดประชุมผู้บริหารพรรค ตัวแทนสาาขา และตัวแทนสมาชิก ผ่านระบบออนไลน์  โดยมีแกนนำพรรค อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย , นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์, นายโภคิน พลกุล, นายวัฒนา เมืองสุข, นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี , นายสามารถ แก้วมีชัย เข้าร่วม ทั้งนี้ในงานดังกล่าวแกนนำพรรคได้ร่วมแถลงถึงภารกิจและพันธกิจสำคัญของพรรคไทยสร้างไทย  เพื่อย้ำถึงเป้าหมายของพรรคต่อการเดินหน้าสร้างประเทศไทย
        โดยคุณหญิงสุดารัตน์ แถลงถึงภารกิจสุดท้ายของตนเอง ต่อการร่วมสร้างพรรคไทยสร้างไทย เพื่อเป็นพรรคการเมืองของคนทุกกลุ่ม และเป็นทางออกของประเทศ ทั้งนี้ตลอดทำงานการเมือง 29 ปี ไม่คิดว่าประเทศจะถึงจุดตกต่ำ และเผชิญกับวิกฤตของประเทศ เพราะเผด็จการอำนาจนิยม  รัฐราชการรวมศูนย์ ทั้งนี้ตนมองว่าประเทศไทยมาถึงจุดอันตราย เพราะการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ มีความขัดแย้ง เศรษฐกิจแย่ และโควิด-19 แก้ไม่ได้  ดังนั้นต้องกำจัด อำนาจเผด็จการอำนาจนิยม รัฐราชการ ที่ด้อยค่าประชาธิปไตยของประชาชน ละเลยต่อหลักนิติธรรม ทำให้ปัญหาการเมืองรุนแรง เศราฐกิจล่มสลาย 
        "ชีวิตทางการเมืองตลอด 29 ปี เห็นอะไรมามาก ดิฉันไม่ได้มุ่งหวังเกียรติยศ ชื่อเสียง ตำแหน่ง หรืออำนาจ นอกจากความสุขและความอิ่มใจต่อการสร้างประเทศไทย ให้ลูกหลาน ดังนั้นจึงขอทำภารกิจครั้งสุดท้ายในชีวิตการเมือง คือ การทำหน้าที่เสาเข็นตั้งพรรคไทยสร้างไทย ให้เป็นสถานบันการเมืองของทุกคน เพื่อนำประเทศไทยออกจากวิกฤต และไปสู่ความรุ่งเรืองและความผาสุข เพื่อเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ส่งมอบให้ลูกหลาน โดยพรรคไทยสร้างไทยจะเป็นเครื่องมือทำงานรับใช้ประชาชน รวมถึงเป็นนั่งร้าน และสะพานเพื่อเชื่อมคนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ และคนที่มีความรู้ความสามารถ ร่วมสร้างโอกาสให้ประเทศไทยเพื่อทุกคน” คุณหญิงสุดารัตน์ แถลง
        ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวด้วยว่า วิกฤตความขัดแย้งที่พรรคการเมืองถูกมองว่าเป็นผู้สร้างปัญหาและความขัดแย้ง เพราะเป็นตัวแทนกลุ่มอำนาจ และผลประโยชน์ ไม่ทำเพื่อประชาชน  ดังนั้นต้องนำประเทศออกจากาความเลวร้ายรัฐราชการอำนาจนิยม กดทับโอกาาสประชาชนด้วยการสร้างพลังให้คนไทย ทั้งนี้ตนเชื่อในความร่วมมือของคนไทยทุกคน เพื่อสร้างประเทศไทย ร่วมจับมือก้าวเดินไปไม่หยุดเดินแม้มีอุปสรรค
 
 
        คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงนโยบายที่จะสร้างฐานรายได้ใหม่ให้คนไทย‘บนศักยภาพของประเทศไทยในบริบทของโลกใหม่และเยาวชนไทยต้องได้เป็น ‘พลเมืองของโลก’ได้เพื่อที่จะไปคว้าโอกาสของโลกยุคใหม่มาสร้างอนาคตให้ตัวเองโดยมีเป้าหมายที่สำคัญ ดังนี้ 1.คนวัยทำงานต้องได้รับโอกาส บนศักยภาพสูงสุดของประเทศไทย , 2.ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางผลิตอาหารปลอดภัยขายคนทั้งโลก , 3.ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ของคนทั่วโลก ,4.ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์บริการด้านสุขภาพและWellness ระดับโลก ,5.ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางการเดินทางและการขนส่งของโลกซึ่งพรรคไทยสร้างไทยกำลังศึกษา‘โครงการคลองไทย’อย่างจริงจัง ,6.ประเทศไทยต้องเป็นสถานที่ที่บริษัทTech และStartup จากทั่วโลกอยากมาตั้งบริษัท, 7.ผู้สูงวัยต้องได้รับการดูแลให้มีสุขภาพแข็งแรงและมีเงินพอที่จะเลี้ยงชีพด้วย‘กองทุนบำนาญประชาชน’สำหรับผู้ที่เกษียณจากการทำงานโดยไม่มีรายได้และสวัสดิการอื่นจะได้รับการดูแลเดือนละ 3,000 บาท และะ 8.ประชาชนทุกวัยมีรายได้ดำรงชีพได้ ก็ควรต้องต่อเติม ต่อยอด ด้วยการออมผ่าน‘สลากการออม‘หรือ‘หวยบำเหน็จ’


        คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวย้ำถึงภารกิจครั้งสำคัญนี้ว่า เราต้องนำพาประเทศให้ออกจากความเลวร้ายของ ‘รัฐราชการอำนาจนิยม’ที่กดทับโอกาสของประชาชนและสร้างความพังพินาศให้กับประเทศชาติจึงต้องมีพรรคการเมืองที่สามารถเป็น‘ทางออกของประเทศ’

        คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวเปิดใจด้วยว่า จากการทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพของอำนาจนิยมเผด็จการ จนทำให้วิกฤติโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจ สาหัสขึ้นทุกวัน ผู้คนอดอยาก ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดตัว คนตกงานทวีจำนวนมากขึ้นทุกวัน ประชาชนอ่อนล้า อ่อนแรงเกินกว่าที่จะเดินสู้ต่อไป จากวิกฤตที่เกิดขึ้นหมอต้องเลือกว่าจะรักษาใครจะต้องชี้ให้ใครอยู่ให้ใครไปเพราะ ห้องไอซียูมีไม่เพียงพอผู้ป่วยจำนวนมากต้องนอนรอเตียง จนตายคาบ้าน ข่าวสะเทือนใจแบบนี้มีให้เราเห็นทุกวัน วัคซีนดีๆที่ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ที่กำลังระบาดและคร่าชีวิตคนไทยจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลก็ไม่ใส่ใจ ไม่ขวนขวายหามาให้ประชาชนแถมยังมีพฤติกรรมไม่สนับสนุนและขัดขวางเอกชนไม่ให้นำเข้าวัคซีนที่มีคุณภาพดีได้อย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ประชาชนเสี่ยงตายไปตามยถากรรม 

        “ดิฉันได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังทุกข์ยากทุกวัน ภาพที่ดิฉันเห็นมันเลวร้ายกว่าที่คิด มีพี่น้องมาร้องไห้กับดิฉันทุกวันหลายคนกังวลถึงชีวิตในวันพรุ่งนี้ว่าจะหารายได้จากไหนมาดูแลครอบครัว มองไปข้างหน้ามีแต่ความมืดมิดไม่รู้ว่าชีวิตจะไปทางไหน บางคนถึงกับคิดสั้นหรือจบชีวิตลงเพราะไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐ”   คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

162541013158

        คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่าประเทศไทยภายใต้ ‘รัฐราชการอำนาจนิยม’ได้เดินมาถึงจุดที่เป็นอันตรายที่สุดสำหรับประชาชนทั้งไร้ประสิทธิภาพ สร้างความขัดแย้ง บริหารจนสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิดเลวร้ายจนทำให้ประชาชนจำนวนมากรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังคนรุ่นใหม่บางคนถึงกับประชดว่าไม่อยากอยู่ประเทศนี้อีกต่อไปซึ่งเราต้องรับฟังและเข้าใจพวกเขาและต้องทำให้พวกเขากลับมามีความหวังและเห็นอนาคตให้ได้ ตัวดิฉันเองก็มีลูกที่เพิ่งเรียนจบและอยู่ในวัยทำงานจึงเข้าใจดีว่าคนรุ่นใหม่เขาคิดและห่วงใยอนาคตของประเทศชาติของเขาเพียงไร.