เตียงโควิดกทม.ไม่ดีขึ้นใน7วัน ส่งสัญญาณเสียชีวิตระหว่างรอ

เตียงโควิดกทม.ไม่ดีขึ้นใน7วัน ส่งสัญญาณเสียชีวิตระหว่างรอ

วิกฤติโควิดกทม. สธ.เผยผู้ป่วยสีแดงต้องรอเตียงเกิน 1 วันอยู่อีก 8 ราย สเหลืองรอเกิน 2 วันกว่า 200 ราย เร่งขยายเตียงรองรับเต็มที่ มาตรการรัฐยังไม่เห็นผลใน 7-14 วัน ส่งสัญญาณระยะสั้นอาจมีผู้เสียชีวิตที่บ้าน ขออย่าต่อต้านมาตรการ

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 1 ก.ค.2564 ที่กรมการแพทย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสถานการณ์เตียงร่วมกับกรุงเทพมหานครและโรงเรียนแพทย์ว่า ข้อมูลวันที่ 29 มิ.ย.2564 มีผู้ป่วยรอเตียงทั้งในรพ.และนอกรพ.จำนวนมาก ในส่วนของผู้ป่วยอาการสีแดง 10 ราย หาเตียงรองรับได้ 2 ราย ยังมีผู้ป่วย 8 คน ต้องรอเตียงเกิน 1วัน ส่วนผู้ป่วยสีเหลือง 508 ราย เหลือรอรับเตียง 214 ราย และต้องรอเกิน 2 วัน และผู้ป่วยสีเขียว 1,641 ราย เหลือรอรับเตียง 783 ราย และต้องรอนานเกิน 3 วัน หากปล่อยให้รอเตียงนาน ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองก็จะกลายเป็นสีแดง หรือผู้ป่วยสีแดงหากหารพ.เข้ารับการรักษาไม่ได้ ก็จะมีการเสียชีวิตที่บ้านเกิดขึ้น
นายสาธิต กล่าวอีกว่า รัฐกำลังทำทุกวิถีทางทั้งมาตรการต่างๆเพื่อลดการติดเชื้อ และการขยายเตียง ไอซียูสนามต่างๆ เช่นที่ ราบ11 ได้ 50 เตียง กทม.ร่วมกับเอสซีจีได้ 40 เตียง จะเริ่มเปิด 10 เตียงในวันที่ 10 ก.ค.นี้ และในส่วนของรพ.เอกชนต่างๆเพื่อรองรับสถานการณ์ และมีการออกแนวทางHome Isolation และ Community Isolation ที่จะให้ประชาชนดูแลตนเองที่บ้านระหว่างรอเตียง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดำเนินการนี้ จะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายในระยะเวลา 7-14 วันนี้ ต้องประกอบกันกับมาตรการที่รัฐบาลเพิ่งประกาศไป และผู้ป่วยที่เข้ามาในระบบ ซึ่งมีทั้งการตรวจเชิงรุก และการเข้ามาในรพ.ที่ต้องมีอาการแล้วถึงมารพ.แล้ว ดังนั้น คิดว่าจะต้องมีผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งที่ยังอยู่ที่บ้าน
“ ที่ประชุมนี้จึงมีความกังวลถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในรอบ 7 วันนี้ อาจจะมีผู้รอเตียงเสียชีวิต แต่หากการจัดหาเตียงสีแดง สีเหลืองมากขึ้น และกระบวนการที่ทำนั้นเกิดผลในทางบวกก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ต้องขอโทษคนไข้ และครอบครัวผู้ต้องสูญเสีย ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำอะไร ทุกคนทำเต็มที่ เดินหน้าเต็มตัว เขย่งทำ เจ้าหน้าที่หน้างานดูแลคนไข้เต็มที่เป็นทีมก็ขยายตัวในสถานการณ์ฉุกเฉินเต็มที่ ขอให้คนไทยเข้าใจสถานการณ์ตรงกัน”นายสาธิตกล่าว
นายสาธิต กล่าวด้วยว่า คนที่รอเตียงอยู่ที่บ้าน ไม่ได้โยนภาระให้กับประชาชน แต่คิดว่ามาตรการในส่วนที่ป้องกันโรคระบาด ทราบดีว่าโรคระบาดเกิดจากการที่คนมาสัมผัสกัน ดังนั้นการเว้นระยะห่างระหว่างกันจะช่วยป้องกันได้ เราต้องดูแลตัวเอง ดูแลคนที่เรารัก ก็จะเป็นการช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องการจัดการ การควบคุมโรคเป็นหน้าที่ของรัฐ แต่หากได้รับความร่วมมือจากประชาชนก็ทำให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจ และอย่าประมาท
ผู้สื่อข่าวถามถึงประชาชนเริ่มมีการต่อต้านมาตรการป้องกันควบคุมโรคต่างๆของรัฐ นายสาธิต กล่าวว่า ในสถานการณ์วิกฤตทะเลาะกันไม่ได้ ต้องเอาเหตุผลมาคุยกัน ไม่ชอบ หรือไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิที่จะเสนอข้อมูล คนทำก็มีข้อจำกัด และมีความตั้งใจ คนวิจารณ์ก็มีความเข้าใจระดับหนึ่ง เอาสิ่งเหล่านี้มาประมวลกัน คนทำก็ต้องรับฟัง ไม่ใช่ว่าพอมีคนไม่เห็นด้วยแล้วไปตำหนิเขาก็ไม่ได้ เวทีสภาวันนี้ พรุ่งนี้มีการตั้งญัตติด่วนเพื่อพิจารณาเรื่องสถานากรณ์โควิด คิดว่าจะเป็นประโยชน์ เพื่อรับข้อมูลมาประมวล อะไรที่ทำแล้ว อะรไรทำไม่ได้ เพราะอะไรก็จะเป็นเวลาที่รับเอาความรู้สึก และความเข้าใขของประชาชน แต่ทั้งหมดต้องขอความร่วมมือจากประชาชน อย่าต่อต้านเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือเราต้องเดินกลับไปสู่สถานการณ์ปกติให้ได้ ให้เร็วที่สุด
“เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนั้นยังมีการฉีดซีนให้ประชาชนทั่วไปคู่ขนานไปกับประชาชนกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค และผู้สูงอายุกันอยู่ในสัดส่วนที่พอๆ กัน ตนอยากให้เน้นให้ความสำคัญ ฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงให้เร็วที่สุด ยกเว้นพื้นที่ระบาดที่ต้องการหยุดการระบาด จึงต้องเร่งฉีดให้ทุกคนให้เร็วที่สุด แต่ในส่วนของพื้นที่ไม่มีการระบาดนั้น ขอให้เน้นฉีดให้กลุ่มเสี่ยงมากที่สุด เร็วที่สุด”นายสาธิตกล่าว