สถานการณ์โควิดโลกไม่นิ่ง 'ล็อกดาวน์' เพิ่ม vs 'ปลอดหน้ากาก'

สถานการณ์โควิดโลกไม่นิ่ง 'ล็อกดาวน์' เพิ่ม vs 'ปลอดหน้ากาก'

หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการปรับตัวเข้ากับ “นิวนอร์มอล” มานานปีกว่า ขณะนี้หลายประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่การ “ปลอดหน้ากาก” และค่อยๆ กลับไปใช้ชีวิตแบบก่อนโควิด แต่บางประเทศกลับพิจารณาบังคับสวมหน้ากากอีกครั้งเพราะการระบาดของสายพันธุ์เดลตา

เว็บไซต์ khaleejtimes.com รวบรวมข้อมูล 8 ประเทศปลอดหน้ากากประกอบด้วย

1. สหรัฐ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ประกาศเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว

โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซีประกาศชัด“ใครก็ตามที่ฉีดวัคซีนครบแล้วสามารถทำกิจกรรมทั้งในร่มและกลางแจ้ง กลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากากหรือเว้นระยะ”

2. เดนมาร์ก รัฐบาลประกาศเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ไม่ต้องสวมหน้ากากอีกต่อไป (ยกเว้นเมื่อยืนบนรถสาธารณะ) ความเคลื่อนไหวนี้อยู่ภายใต้ข้อตกลงผ่อนคลายล็อกดาวน์ ที่ทั้งประเทศจะไม่ต้องสวมหน้ากากโดยสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป

3. กรีซ ยกเลิกข้อกำหนดสวมหน้ากากเมื่ออยู่นอกอาคารเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. พร้อมกับผ่อนคลายข้อบังคับคุมโควิดอื่นๆ หลังจากการติดเชื้อลดลง ทางการบังคับสวมหน้ากากเฉพาะในอาคารเท่านั้น อยู่นอกอาคารไม่ต้องสวม เว้นแต่ในสถานที่แออัด

4. ไอซ์แลนด์ ยกเลิกการใช้ข้อบังคับคุมโควิดตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. ไม่ว่าจะเป็นการบังคับสวมหน้ากาก การบังคับเว้นระยะห่าง หรือจำกัดจำนวนผู้คนที่รวมตัวกัน

ประเทศแอตแลนติกเหนือแห่งนี้รับมือโควิด-19 ได้ค่อนข้างดีด้วยการรุกตรวจหาเชื้อและตามรอยโรค รวมถึงใช้มาตรการล็อกดาวน์หลายครั้งในปีที่ผ่านมา

“เรากำลังฟื้นสังคมที่เคยใช้ชีวิตและคุ้นเคยกลับคืนมา” สวานดิส สวาวาร์สดอตเทอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไอซ์แลนด์ กล่าวเมื่อวันศุกร์ (25 มิ.ย.)

5. สเปน ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.เป็นต้นมา ชาวสเปนออกนอกบ้านได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก แต่ยังต้องอยู่ห่างกัน 1.5 เมตร และในกรณีที่อยู่ห่างกันไม่ได้ก็ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา

6. ฝรั่งเศส ชาวกรุงปารีสไม่ต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่กลางแจ้งตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.จะสวมเฉพาะเมื่ออยู่ในที่ทำงาน ร้านค้า รถโดยสารสาธารณะ และสถานที่กลางแจ้งที่มีคนจำนวนมาก เช่น สนามกีฬา

7. เกาหลีใต้ ตั้งแต่เดือน ก.ค.ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส ไม่ต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่กลางแจ้ง นายกรัฐมนตรีคิม บูคยอม กล่าวว่า จะปรับมาตรการกักตัวทุกอย่างเมื่อประชาชนกว่า 70% ฉีดวัคซีนแล้ว 1 โดส

8. อิตาลี ล่าสุดวานนี้ (28 มิ.ย.) อิตาลีประเทศแรกของยุโรปที่โดนโควิด-19 เล่นงาน และเคยเป็นสัญลักษณ์วิกฤติโควิดแห่งโลกตะวันตก เข้าสู่หมุดหมายใหม่ กระทรวงสาธารณสุขอิตาลีจัดให้ทั้ง 20 เขตของอิตาลีเป็นเขตสีขาว หรือความเสี่ยงโควิดต่ำ อยู่กลางแจ้งไม่ต้องบังคับใส่หน้ากากอีกต่อไป ถือเป็นข่าวดีของประเทศเนื่องจากขณะนี้คลื่นความร้อนกำลังเล่นงาน คาดว่าสัปดาห์นี้พื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของอิตาลีอุณหภูมิอาจสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส

และแม้สถานการณ์ในอิตาลีดีขึ้นมาก หลังจากเริ่มล็อกดาวน์เต็มตัวหรือบางส่วนมาตั้งแต่เดือน พ.ย.63 เพื่อสกัดการระบาดระลอกสอง นายโรเบอร์โต สเปอรันซา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ประชาชนยังจำเป็นต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะกับโควิดกลายพันธุ์ “เรายังไม่ชนะสงคราม”

ทั้ง 8 ประเทศที่กล่าวมาแตกต่างจากอิสราเอลที่นำมาตรการบังคับสวมหน้ากากในอาคารและสถานที่สาธารณะมาใช้อีกครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ แม้ว่าประชากรอิสราเอลมากกว่าครึ่งหนึ่งต่างได้รับวัคซีนโควิดครบแล้วก็ตาม หรือนิวซีแลนด์ วานนี้ คณะรัฐมนตรีกำลังพิจารณาบังคับสวมหน้ากากในพื้นที่เสี่ยงสูง และบังคับสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อเพิ่มการตามรอยโรค ลดความเสี่ยงโควิด-19 กระจาย

หลังจากสัปดาห์ก่อนนิวซีแลนด์ระงับการทำทราเวลบับเบิลกับออสเตรเลีย ที่มีการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาทำให้ต้องล็อกดาวน์ซิดนีย์ ส่วนในพื้นที่อื่นในออสเตรเลียต้องนำมาตรการคุมโควิดกลับมาใช้อีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์แถลงว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมป้องกันไม่ให้สายพันธุ์เดลตากระจายไปทั่วนิวซีแลนด์ โดยคณะรัฐมนตรีได้ขอคำแนะนำเรื่องบังคับสแกนคิวอาร์โค้ดในพื้นที่เสี่ยงสูง อาทิ บาร์และร้านอาหาร และกำลังพิจารณาบังคับสวมหน้ากากในพื้นที่เสี่ยงโควิดระดับ 2 ขึ้้นไปที่ถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงปัจจุบันนิวซีแลนด์บังคับสวมหน้ากากเฉพาะบนรถสาธารณะเท่านั้น

นอกจากนี้ยังขยายการเตือนภัยโควิดระดับ 2 ในกรุงเวลลิงตันถึงวันนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากทางการมองว่ายังคงมีความเสี่ยงจากการที่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียรายหนึ่ง ตรวจพบเชื้อโควิดหลังจากเคยมาเที่ยวกรุงเวลลิงตันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วเอาเชื้อไปติดคนอื่นๆ

ด้านกรุงมอสโกของรัสเซียต้องสั่งให้ประชาชนเวิร์กฟรอมโฮมอีกรอบเริ่มตั้งแต่วานนี้ ในช่วงที่รัสเซียกำลังเร่งสกัดโควิดโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา

ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในรัสเซียพุ่งสูงจากโควิดกลายพันธุ์ วานนี้ กรุงมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีผู้เสียชีวิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์วันที่ 2 ติดต่อกัน

ทางการกรุงมอสโก สั่งประชาชนทำงานจากบ้านตั้งแต่วันจันทร์ (28 มิ.ย.) เป็นต้นไป ยกเว้นคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว

การเข้าร้านอาหารต้องสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อแสดงว่าฉีดวัคซีนแล้ว หรือเคยติดโควิดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หรือมีผลตรวจโควิดเป็นลบ

การระบาดในรัสเซีย ประเทศหนึ่งที่โดนโควิดเล่นงานหนักที่สุดในโลกไปแล้ว ถือเป็นสัญญาณให้ต้องเฝ้าระวังเนื่องจากกำลังมีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ที่แฟนบอลหลายหมื่นคนเข้าไปชมการแข่งขันในประเทศต่างๆ ทั่วทวีป

นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กจัดการแข่งขันไปแล้ว 6 นัด และจะแข่งรอบรองชนะเลิศนัดหนึ่งในวันศุกร์ (2 ก.ค.) นี้ แม้จำกัดผู้ชมที่ครึ่งสนามแต่ก็มากกว่า 26,000 คน

สำนักข่าวเอเอฟพีรวบรวมข้อมูลเมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ ตามเวลาประเทศไทย ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ที่อย่างน้อย 181,026,780 คน ส่วนใหญ่หายแล้ว เสียชีวิตอย่างน้อย3,925,816 คน

องค์การอนามัยโลกประเมินว่า จำนวนผู้เสียชีวิตโดยรวมสูงกว่าตัวเลขทางการ 2-3 เท่า เนื่องจากยังมีคนเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิดอีกทั้งทางตรงและทางอ้อม