EPG - ซื้อ (21 มิ.ย.64)

EPG - ซื้อ (21 มิ.ย.64)

มีดีกว่าที่คิด

ราคาปิโตรเคมีลดลงทุกผลิตภัณฑ์ แม้ราคาน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น (รายละเอียด หน้า2) จากซัพพลายใหม่ กำไรของ EPG จะฟื้นตัวใน 1QFY22 (เม.ษ. - มิ.ย.) การฉีดวัคซีนและการบริโภคภายในประเทศที่สูงขึ้นทำให้มีอัพไซด์ของกำไรในปี งบ FY22/23 คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 16 บาทต่อหุ้น

อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากราคาปิโตรเคมีที่ลดลง

ซัพพลายใหม่ของปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะเข้าสู่ตลาดใน 2H21 สะท้อนว่ามีอัพไซด์ของการดำเนินงานของ EPG คาดกำไรของบริษัทยังฟื้นตัว 5-10% qoq และ 5.5-5.8x yoy ใน 1QFY22 (เม.ษ. - มิ.ย.) หนุนจากปริมาณขายยางฉนวนและชิ้นส่วนยานยนต์ที่แข็งแกร่ง EPG ใช้เอทีลีนและโพพีลีนในการผลิตยางฉนวน และใช้ HDPE, PP, และ ABS สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ และ PET, PP, และ PS ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ต้นทุนปิโตรเคมีคิดเป็น 25% ของต้นทุนการผลิตฉนวนยาง, 35-40% ของชิ้นส่วนยานยนต์ และ 55% สำหรับบรรจุภัณฑ์ และ 40% ของต้นรวมของบริษัท เราคาดราคาปิโตรเคมีจะอ่อนแอต่อใน 2H21 EPG ปรับราคาขายฉนวนยางในสหรัฐฯและราคาขายชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้น และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นใน 2H21

 

การเติบโตมาจากประเทศพัฒนาแล้ว

ยอดขายของบริษัท 60% มาจากต่างประเทศ (สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, จีน, อินเดีย, และแอฟริกาใต้) แบ่งเป็นยอดขายฉนวนยาง 70% มาจากต่างประเทศ (ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ) เป็นตลาดพรีเมียมและมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่ 45-48% เทียบกับระดับปกติที่ 43% ยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ 76% มาจากยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชีย เป็นชิ้นส่วนรถกระบะและ SUV ยอดขาย SUV และรถยนต์เชิงพาณิชย์เบาในออสเตรเลียซึ่งเป็นตลาดหลักของ TJM เติบโต 120% และ 85% yoy และ 22% qoq ทั้งสองตลาดในช่วงเม.ษ.-พ.ค. และมีเพียงบรรจุภัณฑ์มีตลาดหลักในประเทศ (95%) ยอดขายที่แข็งแกร่งจะหนุน EPG มีกำไรที่มั่นคงในช่วงปี 2021/22

  

ซื้อ ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 16.0บาทต่อหุ้น กำไรมีอัพไซด์จากการฉีดวัคซีนและการฟื้นตัวของตลาดในประเทศ

แม้ว่าจะมีการระบาด แต่ยอดขาย EPG ยังเติบโตได้ การฉีดวัคซันในวงกว้างและการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักในปีงบ FY22/23 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย16.0บาทต่อหุ้น เทียบเท่า 26.5x/24.4x FY22/23F PE