ทะลุ1.5ล้านบาท แห่บริจาคช่วย '4แม่เฒ่า' กราบ! ซื้อที่ดินบ้านคืน แต่เจ้าหนี้ไม่ขาย

พลังโซเชียลทะลุ 1.5 ล้านบาท แห่บริจาคช่วย "4แม่เฒ่า" กราบ! ซื้อที่ดินบ้านคืน แม้หาเงินได้แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมขายให้ ศาลเมตตาขยายเวลาอยู่บ้านต่ออีก 30 วัน ก่อนขนย้ายทรัพย์สินออก คงหาที่อยู่ใหม่


กำลังใจล้น แม่เฒ่า 4 พี่น้องและครอบครัว ถูกฟ้องไล่ที่ แม้ว่าศาลจังหวัดสุโขทัย เมตตาขยายอยู่บ้านต่อระยะเวลา 30 วัน ก่อนขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้าน เนื่องโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะขายทรัพย์คืน ต้องไปหาที่พักอาศัยใหม่

กรณีแม่เฒ่า 4 พี่น้อง คือ นางโปรย อนุเคราะห์ อายุ 94 ปี น.ส.ศรีนวล ทิมแย้ม อายุ 82 ปี น.ส.แฉล้ม ทิมแย้ม อายุ 80 ปี และน.ส.ตะล่อม ทิมแย้ม อายุ 77 ปี ถูกเจ้าหน้าหนี้ไล่ที่ให้ออกไปจากบ้านเลขที่ 4 หมู่ 4 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เล็กจนโต โดยขีดเส้นภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 โดยไม่ทราบชะตาชีวิตว่าจะไปอยู่ที่ไหน ภายหลังหลานชายนำที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้เพื่อไปทำงานไต้หวันและไม่มีเงินใช้คืน

กรณีนายลวง อนุเคราะห์ บุตรชายของนางโปรย อนุเคราะห์ พร้อมด้วย น.ส.ตะล่อม ทิมแย้ม นายสมศักดิ์ โตจริง หลานชาย ผู้นำที่นาและบ้านไปจำนอง และนายกิตตินพ สุวรรณโรจน์ ทนายความ ได้เดินทางไปยังศาลจังหวัดสุโขทัย ยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลาให้แม่เฒ่า 4 คน และครอบครัว ได้พักอาศัยอยู่ในบ้านเพิ่มเติมไปอีก 60 วัน เพื่อใช้ห้วงเวลานี้เจรจากับเจ้าหนี้ในการขอซื้อบ้านและที่ดินคืน อีกทั้งก่อนหน้านี้เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขาดให้ออกจากบ้านภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2564

เมื่อบ่ายวานนี้ นายกิตตินพ สุวรรณโรจน์ ทนายความที่ดูแลคดี กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวศาลได้ไกล่เกลี่ยพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย โดยที่โจทก์ยินดีที่จะให้จำเลยขยายระยะเวลาออกไปได้ 30 วัน เพื่อที่จะได้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่พิพาท ซึ่งจะครบกำหนดในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 16 กรกฏาคม 2564 ที่จะถึงนี้


โดยจำเลยมีหน้าที่จะต้องมาแถลงให้ศาลทราบเมื่อถึงเวลานั้นว่า ได้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่พิพาทเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นการพูดคุยเจรจาทางโจทก์ยังได้แจ้งว่าไม่ประสงค์จะขายทรัพย์ ซึ่งลูกหนี้เข้าใจในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องหาพื้นที่ใหม่ที่จะต้องออกไปอยู่พักอาศัยตามระยะเวลาที่ได้ขยายภายใน 30 วันตามที่ศาลให้ความกรุณา

นายลวง อนุเคราะห์ กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่ตนและแม่เฒ่าทั้ง 4 คน ได้ต่อสู้ทุกวิถีทาง ทั้งเข้าพบขอความเป็นธรรมจากทุกหน่วยงาน เพื่อหวังว่าจะมีสักวันที่ได้นอนหลับเต็มที่ มีบ้านมีที่ให้แม่และน้าๆที่แก่เฒ่า พี่สาวที่เจ็บไข้ และลูกหลาน ได้มีที่อยู่ และไม่ต้องคิดถึงเรื่องหนี้สิน กระทั่งมาถึงวันนี้ที่เป็นข่าว ทุกสำนักข่าวออกข่าวด้วยความสงสารแม่เฒ่า และประชาชนที่มีเมตตาทำบุญโอนเงินมาช่วยเหลือตนและครอบครัว ให้มีเงินพอจะซื้อบ้านคืนได้

กระนั้นก็ตาม ตนอยากอ้อนวอนขอความเมตตาจากเจ้าหนี้ เห็นแก่มนุษยธรรมขายคืนบ้านและที่ดินที่แม่เฒ่าทั้ง 4 คน ได้อาศัยอยู่ให้ด้วย ขณะนี้พอมีเงินจากการบริจาคและทำบุญจากประชาชนทั่วประเทศให้เพื่อมาซื้อคืนบ้านและที่ดินได้แล้ว ซึ่งจะให้ตนและแม่เฒ่าไปกราบขอร้องอย่างไรก็ยอม

ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 4 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยของแม่เฒ่า 4 พี่น้อง เมื่อเดินทางถึงพบนายลวง อนุเคราะห์ หลานชายซึ่งเพิ่งกลับมาจากการตรวจสอบยอดบัญชีธนาคารออมสิน สาขาศรีสำโรง จ.สุโขทัย โดยพบว่ามียอดเงินบริจาคช่วยเหลือจากผู้ใจบุญทั่วประเทศเป็นจำนวนเงิน 1,511,939.75 บาท


นายลวง อนุเคราะห์ กล่าวว่า ดีใจที่ศาลจังหวัดสุโขทัย ไกล่เกลี่ยขยายระยะเวลาให้ 30 วัน แต่ทางครอบครัวต้องหาทางขยับขยายที่ หากเจ้าหนี้ไม่ยอมขายคืนให้เรา ต้องไปหาที่อยู่ใหม่สร้างบ้านหลังเล็กๆให้คนแก่ได้อยู่อาศัยกัน และตนขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ได้ช่วยเหลือในการบริจาคเงิน ขอบคุณที่ให้ความอนุเคราะห์ให้ความสงสารคนแก่ในครั้งนี้

ขณะที่ น.ส.ตะล่อม ทิมแย้ม อายุ 77 ปี กล่าวว่า ยายดีใจที่ศาลช่วยขยายระยะเวลาให้อีก 30 วัน แต่ตนอยากได้ที่อยู่อาศัยคืนมา ยายยกมือไหว้เจ้าหนี้ขอเขาคืน แต่เขาก็เฉยๆ ส่วนนางโปรย อนุเคราะห์ อายุ 94 ปี พี่คนโต กล่าวว่า ยายดีใจและอยากได้บ้านได้ที่ดินนี้คืนและจะได้อยู่ต่อไป


อย่างไรก็ตามภายในบริเวณบ้านหลังดังกล่าวได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจากอำเภอศรีสำโรง จ.สุโขทัย รวมทั้ง อส.ที่ได้เข้ามาดูแลความปลอดภัยของคุณยายทั้ง 4 คนและครอบครัว ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้กับครอบครัวอีกด้วย

ด้านนายปรีชา สุทนต์ นายอำเภอศรีสำโรง กล่าว่า สำหรับเรื่องของเงินที่ได้รับบริจาคมานั้นในการเบิกจ่ายยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้และความคาดหวังในขณะนี้ของสังคม คือ อยากให้เกิดการซื้อขายระหว่างเจ้าของที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมายกับแม่เฒ่า 4 พี่น้อง หากสามารถประนีประนอมยอมซื้อขายกันได้ในเรื่องนี้ก็น่าจะจบกันด้วยดี แต่ถ้าวงเงินที่จะซื้อคืนไม่พอหรือเจ้าของที่ดินไม่ขายก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของเจ้าของตามกฏหมาย

แต่กระนั้น ยังมีช่องทางเล็กๆที่ให้ดำเนินการตามห้วงระยะเวลา 30 วัน ต้องรีบดำเนินการแต่ถ้ากระบวนการพูดคุยเจรจาประนีประนอมไม่แล้วเสร็จ ไม่มีข้อยุติภายในระยะเวลาประมาณไม่เกินวันที่ 24-25 มิถุนายนนี้ กระบวนการหาที่อยู่ให้ใหม่ก็จะเกิดขึ้นในจำนวนเงินที่ได้รับมา 1 ล้านบาทเศษ และพอดำเนินการได้

สำหรับเงินที่ได้รับบริจาคมาเราจะมีการดำเนินการตามกฏหมาย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแลในการใช้จ่ายเงินจำนวนนี้ ไม่สามารถเบิกจ่ายเองได้ การใช้เงินต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ไม่เช่นนั้นจะเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเราบอกผู้เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนขอให้ผู้บริจาคนั้นสบายใจทางเราจะมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแลจำนวน 5 คน และต้องมีการเบิกจ่ายได้ต้องมีลายเซ็นต์ของกรรมการจำนวน 3 คนเป็นอย่างน้อยขอให้ทุกฝ่ายสบายใจ