‘ดาวโจนส์’ปิดร่วง 210 จุดหลังเฟดเล็งขึ้นดอกเบี้ยปี 66

‘ดาวโจนส์’ปิดร่วง 210 จุดหลังเฟดเล็งขึ้นดอกเบี้ยปี 66

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (17 มิ.ย.)ปรับตัวร่วงลง 210 จุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยวานนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 210.22 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 33,823.45 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 1.84 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 4,221.86 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 121.67 จุด หรือ 0.87% ปิดที่ 14,161.35 จุด

เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เปิดเผยว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

ทั้งนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิมถึง 1 ปี และเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566

นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 2.4%

หุ้นบริษัทดาว อิงค์และแคทเธอร์ พิลลาร์ดิ่งลงนำตลาด ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงเป็นวันที่ 2

หุ้นกลุ่ม Materials ร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ยังถูกกดดันจากการที่จีนเตรียมระบายสต็อกโลหะ ซึ่งรวมถึงทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี จากคลังสำรองแห่งชาติเพื่อสกัดราคาที่พุ่งขึ้นในประเทศ โดยการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี และข่าวนี้ส่งผลให้ราคาสัญญาทองแดงดิ่งลง 2% ในวันนี้

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเช่นกัน หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับความหวังที่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยหนุนตัวเลขกำไรในภาคธนาคาร

ขณะเดียวกัน ดาวโจนส์ยังถูกกดดัน จากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 412,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 360,000 ราย และสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 375,000 ราย

ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 โดยปรับตัวลงสู่ระดับ 30.7 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 31.5 ในเดือนพ.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีภาวะธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 31.0 ในเดือนมิ.ย.

อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของการจ้างงาน

ที่ผ่านมา ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกมักปรับตัวในแดนบวกนับตั้งแต่ปี 2559 ก่อนที่จะทรุดตัวสู่แดนลบในเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19